ปภ. สั่งเฝ้าระวังน้ำท่วม-น้ำป่าหลาก ใน 52 จังหวัด ช่วง 18-24 ก.ย. 68

ปภ. สั่งเฝ้าระวังน้ำท่วม-น้ำป่าหลาก ใน 52 จังหวัด ช่วง 18-24 ก.ย. 68

ปภ.ประสาน 52 จังหวัด ภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง ดินโคลนถล่ม และเขื่อนระบายน้ำเพิ่มขึ้น ช่วงวันที่ 18 -24 ก.ย.68

วันนี้ (17 ก.ย. 68) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้ง 52 จังหวัด ในพื้นที่ภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง ดินโคลนถล่ม รวมถึงอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 และระดับน้ำเพิ่มขึ้นจากระดับน้ำในแม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลง รวมถึงเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำเพิ่มขึ้น ช่วงวันที่ 18 - 24 ก.ย.68 โดยให้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่เสี่ยง กำชับเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยตลอด 24 ชม. เพื่อให้สามารถเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์

ปภ. สั่งเฝ้าระวังน้ำท่วม-น้ำป่าหลาก ใน 52 จังหวัด ช่วง 18-24 ก.ย. 68

 

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) โดย กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) มีประกาศฉบับที่ 22/2568 เรื่อง เฝ้าระวังน้ำหลาก น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง ระดับน้ำแม่น้ำโขง และแม่น้ำเจ้าพระยา ประกาศ ณ วันที่ 16 กันยายน 2568 คาดการณ์สภาพอากาศพบว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ และได้ประเมินวิเคราะห์สภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ พบว่ามีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ เนื่องจากระบายไม่ทัน ในระหว่างวันที่ 18 – 24 กันยายน 2568

พื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินโคลนถล่ม รวม 35 จังหวัด

ภาคเหนือ จำนวน 9 จังหวัด ได้แก่

  • จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อำเภอขุนยวม แม่สะเรียง และอำเภอสบเมย)
  • จังหวัดเชียงใหม่ (อำเภออมก๋อย)
  • จังหวัดเชียงราย (อำเภอเมืองเชียงราย แม่สาย เชียงของ เชียงแสน และอำเภอแม่จัน)
  • จังหวัดน่าน (อำเภอแม่จริม และอำเภอเวียงสา)
  • จังหวัดตาก (อำเภอท่าสองยาง พบพระ แม่ระมาด สามเงา และอำเภออุ้มผาง)
  • จังหวัดกำแพงเพชร (อำเภอคลองลาน และอำเภอปางศิลาทอง)
  • จังหวัดพิษณุโลก (อำเภอนครไทย และอำเภอเนินมะปราง)
  • จังหวัดเพชรบูรณ์ (อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ หล่มสัก หล่มเก่า เขาค้อ วิเชียรบุรี และอำเภอศรีเทพ)
  • จังหวัดนครสวรรค์ (อำเภอแม่เปิน)

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 18 จังหวัด ได้แก่

  • จังหวัดเลย (อำเภอวังสะพุง)
  • จังหวัดหนองคาย (อำเภอเมืองหนองคาย)
  • จังหวัดอุดรธานี (อำเภอเมืองอุดรธานี กุมภวาปี กู่แก้ว ไชยวาน โนนสะอาด วังสามหมอ และอำเภอศรีธาตุ)
  • จังหวัดสกลนคร (อำเภอวานรนิวาส วาริชภูมิ และอำเภออากาศอำนวย)
  • จังหวัดนครพนม (อำเภอนาแก)
  • จังหวัดมุกดาหาร (อำเภอดงหลวง และอำเภอหนองสูง)
  • จังหวัดกาฬสินธุ์ (อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ท่าคันโท ยางตลาด สามชัย หนองกุงศรี และอำเภอห้วยเม็ก)
  • จังหวัดชัยภูมิ (อำเภอเทพสถิต และอำเภอหนองบัวแดง)
  • จังหวัดขอนแก่น (อำเภอกระนวน และอำเภอน้ำพอง)
  • จังหวัดมหาสารคาม (อำเภอชื่นชม)
  • จังหวัดร้อยเอ็ด (อำเภอเมืองร้อยเอ็ด เกษตรวิสัย ธวัชบุรี พนมไพร เมืองสรวง เสลภูมิ หนองพอก และอำเภออาจสามารถ)
  • จังหวัดยโสธร (อำเภอคำเขื่อนแก้ว)
  • จังหวัดอำนาจเจริญ (อำเภอเมืองอำนาจเจริญ ปทุมราชวงศา พนา และอำเภอลืออำนาจ)
  • จังหวัดนครราชสีมา (อำเภอเมืองนครราชสีมา ครบุรี จักราช ชุมพวง โชคชัย โนนแดง โนนสูง ปักธงชัย พิมาย สีคิ้ว สูงเนิน และอำเภอหนองบุญมาก)
  • จังหวัดบุรีรัมย์ (อำเภอเมืองบุรีรัมย์ กระสัง ชำนิ นางรอง พลับพลาชัย ลำปลายมาศ สตึก หนองกี่ และอำเภอหนองหงส์)
  • จังหวัดสุรินทร์ (อำเภอเมืองสุรินทร์ กาบเชิง ชุมพลบุรี ท่าตูม ปราสาท ศรีณรงค์ ศีขรภูมิ สังขะ และอำเภอสำโรงทาบ)
  • จังหวัดศรีสะเกษ (อำเภอขุขันธ์ ขุนหาญ และอำเภอปรางค์กู่)
  • จังหวัดอุบลราชธานี (อำเภอกุดข้าวปุ้น เขมราฐ เดชอุดม ตระการพืชผล ทุ่งศรีอุดม นาจะหลวย นาเยีย น้ำขุ่น น้ำยืน บุณฑริก พิบูลมังสาหาร สว่างวีระวงศ์ และอำเภอสิรินธร) 

ภาคกลาง จำนวน 8 จังหวัด ได้แก่

  • จังหวัดนครนายก (อำเภอเมืองนครนายก และอำเภอบ้านนา)
  • จังหวัดปราจีนบุรี (อำเภอกบินทร์บุรี และอำเภอนาดี)
  • จังหวัดสระแก้ว (อำเภอเมืองสระแก้ว ตาพระยา และอำเภอวัฒนานคร)
  • จังหวัดฉะเชิงเทรา (อำเภอท่าตะเกียบ และอำเภอสนามชัยเขต)
  • จังหวัดชลบุรี (อำเภอบางละมุง และอำเภอศรีราชา)
  • จังหวัดระยอง (อำเภอเมืองระยอง ปลวกแดง และอำเภอนิคมพัฒนา)
  • จังหวัดจันทบุรี (อำเภอแก่งหางแมว ขลุง เขาคิชฌกูฏ และอำเภอมะขาม)
  • จังหวัดตราด (อำเภอเมืองตราด เขาสมิง คลองใหญ่ บ่อไร่ เกาะช้าง และอำเภอเกาะกูด)

เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็ก

พื้นที่เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุเก็บกัก รวม 41 จังหวัด ได้แก่ บริเวณจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร สุโขทัย พิษณุโลก ตาก เพชรบูรณ์ อุทัยธานี เลย หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร อุดรธานี ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด นครพนม มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง สุราษฎร์ธานี และจังหวัดกระบี่

เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้น น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขัง

พื้นที่เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ รวม 7 จังหวัด บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของ แม่น้ำสาย บริเวณอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย แม่น้ำยม บริเวณอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก แม่น้ำแควน้อย บริเวณอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ลำน้ำยัง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด แม่น้ำชี อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ แม่น้ำมูล อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี แม่น้ำปราจีนบุรี อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี

เฝ้าระวังผลกระทบจากระดับน้ำในแม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลง

พื้นที่เฝ้าระวังผลกระทบจากระดับน้ำในแม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลง เนื่องจากมีปริมาณฝนตกสะสม บริเวณสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีแนวโน้มส่งผลกระทบพื้นที่จังหวัดริมแม่น้ำโขง ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และจังหวัดอุบลราชธานี

เฝ้าระวังผลกระทบจากกรณีเขื่อนเจ้าพระยา

พื้นที่เฝ้าระวังผลกระทบจากกรณีเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มการระบายน้ำ ทำให้ระดับน้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น และล้นตลิ่ง ได้แก่ บริเวณคลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แม่น้ำน้อย อำเภอเสนา และอำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อำเภอเมืองสิงห์บุรี อินทร์บุรี และอำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี อำเภอไชโย และอำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท และเฝ้าระวังกิจกรรมการใช้น้ำและการสัญจรทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา บริเวณจังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานคร และจังหวัดสมุทรปราการ

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้ง 52 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เฝ้าระวัง ติดตาม และเตรียมพร้อมรับมือโดยได้กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่เสี่ยง รวมถึงเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้สามารถเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดสถานการณ์ภัยขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ให้เตรียมความพร้อมของเครื่องจักรกลสาธารณภัยและเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ให้พร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดสถานการณ์ภัยขึ้นในพื้นที่

สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ขอให้ติดตามสภาพอากาศ ข้อมูลสถานการณ์ และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้นโดยปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด  โดยสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยรายพื้นที่ได้ที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android รวมถึงทางสื่อสังคมออนไลน์บัญชีทางการของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews ทั้งนี้ หากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป