กรมชลประทาน ปรับแผนระบายน้ำ เขื่อนพระราม 6 รับมือฝนตกหนัก

กรมชลประทาน ย้ำพร้อม ปรับแผนระบายน้ำเขื่อนพระราม 6 เพิ่มประสิทธิภาพระบายน้ำ รับมือฝนตกหนักช่วง 10-15 ก.ย. นี้ บรรเทาผลกระทบประชาชน
วันนี้ (10 ก.ย. 68) กรมชลประทาน ได้จัดประชุมเร่งด่วนเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำป่าสัก เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าจะมีฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือระหว่างวันที่ 10-15 กันยายนนี้
นายสุริยพล นุชอนงค์ อธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากหลายหน่วยงาน โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อวางแผนรับมือปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะน้ำที่ไหลลงสู่ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และลำน้ำสาขา
มาตรการควบคุมน้ำฉุกเฉินและแผนระยะยาว
เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่เพาะปลูกและชุมชนท้ายน้ำ กรมชลประทานได้ใช้ เขื่อนพระราม 6 เป็นจุดควบคุมหลัก โดยรักษาระดับน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ +6.50 ถึง +6.80 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง พร้อมทั้งจัดสรรการระบายน้ำอย่างสมดุลไปยังคลองสาขาต่างๆ เช่น คลองระพีพัฒน์, คลองพระยาบันลือ, และ คลองชัยนาท–ป่าสัก
สำหรับแผนระยะยาว กรมชลประทานมีแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำอย่างยั่งยืน โดยจะ:
- ปรับปรุงคลองพระยาบันลือและคลองระพีพัฒน์ ให้สามารถรองรับน้ำได้เพิ่มขึ้นจากเดิม 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
- ก่อสร้างคลองผันน้ำใหม่ ที่เชื่อมระหว่างแม่น้ำป่าสักกับแม่น้ำเจ้าพระยา
- พัฒนาเขื่อนทดน้ำป่าสัก ให้มีความสามารถรองรับน้ำได้มากขึ้น
นอกจากนี้ กรมชลประทาน ยังยืนยันความพร้อมในการบูรณาการทำงานร่วมกับทุกหน่วยงาน เพื่อติดตั้งเครื่องจักรและเครื่องมือเข้าช่วยเหลือพื้นที่เสี่ยง รวมถึงการจัดตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์น้ำแบบเรียลไทม์เพื่อบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัย
หลังจากประชุม นายสุริยพลและคณะได้ลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำที่ประตูระบายน้ำสำคัญ ได้แก่ ประตูระบายน้ำผักไห่-เจ้าเจ็ด ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ ประตูระบายน้ำและสถานีสูบน้ำกึ่งถาวรปากคลองรังสิต ในจังหวัดปทุมธานี พร้อมทั้งกำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบความพร้อมของอาคารชลประทาน เครื่องจักร และกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์น้ำได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ






