กทม. จ่อออก 3 มาตรการเร่งด่วน เขตควบคุมมลพิษ ยกระดับสู้ฝุ่น PM2.5

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ เผย กทม. ได้รับการประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษเป็นครั้งแรก เดินหน้า 3 มาตรการเข้มข้นเพื่อลดฝุ่น PM2.5 เพื่อให้คุณภาพอากาศของคนกรุงดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
วันนี้ (9 ก.ย. 68) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เผยความคืบหน้าการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ภายหลังการประชุมคณะกรรมการฯ ว่า กทม. ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติให้เป็น "เขตควบคุมมลพิษ" เป็นช่วงเวลา ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่กรุงเทพฯ ได้รับการประกาศเช่นนี้
10 มาตรการเข้มข้น มุ่งเป้าลดฝุ่น
การประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษทำให้ กทม. มีอำนาจและเครื่องมือมากขึ้นในการกำหนดมาตรฐานที่เข้มงวดกว่าเดิม โดยเฉพาะการตรวจจับรถควันดำ จากเดิมที่ความทึบแสงเกิน 30% ถึงจะถือว่าผิดกฎหมาย แต่ต่อไป กทม. สามารถปรับเกณฑ์ให้เข้มข้นขึ้นได้ เช่น ลดเหลือ 20% หรือ 10% ซึ่งจะช่วยให้การควบคุมฝุ่นจากยานพาหนะมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ระบุว่า มาตรการนี้ไม่มีผลกระทบทางเศรษฐกิจ แต่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง จากการศึกษาพบว่าการลดฝุ่น PM2.5 ได้เพียง 1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จะช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกลับคืนมาได้นับหมื่นล้านบาท
ติดตามโรงงานอุตสาหกรรม และขยายพื้นที่ Low Emission Zone (LEZ)
นอกจากนี้ ยังมีการหารือกับกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อขยายการติดตั้งระบบ CEMS (Continuous Emission Monitoring System) หรือการตรวจวัดฝุ่นจากปล่องควันอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่มีเพียง 7-8 โรงงานในพื้นที่ จะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 200 โรงงาน ทำให้สามารถควบคุมการปล่อยมลพิษจากโรงงานได้ดีขึ้น
ในส่วนของมาตรการ Low Emission Zone (LEZ) จะขยายพื้นที่ควบคุมจากเดิมที่จำกัดแค่ในเขตวงแหวนชั้นใน สู่พื้นที่ 50 เขตทั่วกรุงเทพฯ โดยรถยนต์ 6 ล้อขึ้นไปที่ต้องการเข้าพื้นที่ในช่วงเวลาที่ฝุ่นสูง จะต้องนำรถไปปรับปรุงและลงทะเบียนในบัญชี "Green List" เพื่อยืนยันว่าปล่อยมลพิษน้อยลง หากรถไม่อยู่ในบัญชีนี้และฝ่าฝืนเข้ามา จะถูกดำเนินคดี ซึ่งปีที่ผ่านมามีการฟ้องร้องไปแล้วกว่า 400 คัน
พัฒนาการเตือนภัยและแผนปฏิบัติการใหม่
ผู้ว่าฯ ชัชชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า กทม. ได้ยกระดับการพยากรณ์และเตือนภัยฝุ่นให้แม่นยำขึ้น จากเดิมที่แจ้งล่วงหน้า 3 วัน เพิ่มเป็น 7 วัน พร้อมติดตั้งเซนเซอร์ตรวจวัดฝุ่นขนาดเล็กเพิ่มอีกกว่า 800 จุดทั่วกรุงเทพฯ นอกจากนี้ ยังได้ร่วมมือกับ สสส. เพื่อติดตั้งห้องเรียนปลอดฝุ่นในโรงเรียนทุกแห่ง และปรับปรุงห้องเรียนในศูนย์เด็กเล็ก เพื่อปกป้องสุขภาพของเด็กเล็กเป็นพิเศษ
ในที่ประชุมยังได้มีการเห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปี 2569 ซึ่งมีเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น
- ขยายจุดตรวจวัดฝุ่นให้ครบ 1,000 จุดทั่วทุกแขวง
- จัดตั้งทีม "นักสืบฝุ่น" เพื่อหาต้นตอการปล่อยฝุ่น
- สนับสนุนการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV)
- พัฒนาพื้นที่ปลอดฝุ่น (BKK Clean Air Area) ด้วยการปลูกต้นไม้และติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ
ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ ชัชชาติเชื่อมั่นว่าความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจะทำให้สถานการณ์ฝุ่นในกรุงเทพฯ ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม







