กรมชลฯ ยืนยัน น้ำในเขื่อนหลักยังรับได้ แม้ฝนตกหนักต่อเนื่อง

กรมชลฯ ยืนยัน น้ำในเขื่อนหลักยังรับได้ แม้ฝนตกหนักต่อเนื่อง

สถานการณ์น้ำล่าสุดยังคงน่าพอใจ กรมชลประทาน เผยภาพรวมน้ำในอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศยังรองรับได้อีกกว่า 20,200 ล้าน ลบ.ม. แม้ร่องมรสุมทำฝนตกหนักในหลายพื้นที่

ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน รายงาน สถานการณ์น้ำ ล่าสุด (8 ก.ย. 68) ว่าแม้จะมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่จากอิทธิพลของร่องมรสุม แต่ภาพรวมปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดีและสามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 20,200 ล้านลูกบาศก์เมตร

ฝนตกหนักในหลายจังหวัด

จากการติดตามสภาพอากาศพบว่าร่องมรสุมพาดผ่านทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภาคตะวันออก สำหรับปริมาณฝนสูงสุด 3 อันดับแรกในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ได้แก่

  • จังหวัดเพชรบูรณ์ : อำเภอบึงสามพัน ปริมาณฝน 166 มิลลิเมตร
  • จังหวัดอุบลราชธานี : อำเภอวารินชำราบ ปริมาณฝน 138.5 มิลลิเมตร
  • จังหวัดระยอง : อำเภอบ้านค่าย ปริมาณฝน 131.5 มิลลิเมตร

ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องส่งผลให้ระดับน้ำในบางพื้นที่ของลุ่มน้ำชี, ยม, น่าน, เจ้าพระยา, ป่าสัก, ท่าจีน และพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกมีน้ำล้นตลิ่งบางแห่ง

สถานการณ์น้ำในเขื่อนสำคัญ

ปัจจุบัน อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศมีปริมาณน้ำรวมกัน 56,280 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 74% ของความจุรวมทั้งหมด โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา เขื่อนหลักทั้ง 4 แห่ง ได้แก่

  1. เขื่อนภูมิพล
  2. เขื่อนสิริกิติ์
  3. เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน
  4. เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

มีน้ำรวมกัน 19,439 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 78% ของความจุ ยังสามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 5,400 ล้านลูกบาศก์เมตร

นอกจากนี้ ยังมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 10 แห่ง ที่มีปริมาณน้ำเกินเกณฑ์ควบคุม (Upper Rule Curve: URC) ซึ่งกรมชลประทานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้มีการบริหารจัดการน้ำอย่างใกล้ชิด ได้แก่ เขื่อนสิริกิติ์, เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน, เขื่อนแม่มอก, เขื่อนห้วยหลวง, เขื่อนน้ำอูน, เขื่อนน้ำพุง, เขื่อนจุฬาภรณ์, เขื่อนอุบลรัตน์, เขื่อนบางพระ และเขื่อนนฤบดินทรจินดา
 

การบริหารจัดการน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา

สำหรับ สถานการณ์น้ำเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท (เวลา 06.00 น.) ปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานี C.2 อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ อยู่ที่ 1,982 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที กรมชลประทานจึงได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยาแบบขั้นบันไดในอัตราไม่เกิน 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อควบคุมปริมาณน้ำให้เหมาะสมและลดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ท้ายน้ำให้ได้มากที่สุด

ประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์น้ำได้ที่เว็บไซต์ wmsc.rid.go.th และ bigdata-swoc.rid.go.th หรือขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วนกรมชลประทาน 1460 หรือแจ้งโครงการชลประทานในพื้นที่ใกล้เคียง