'ถั่วลิสง ถั่วบด' มีอะฟลาท็อกซิน กินบ่อยไป เสี่ยงสูง 'มะเร็งตับ'

หมอเตือนล่าสุด ตรวจพบวิจัยไทยเผย "ถั่วลิสง-ถั่วบด" มีอะฟลาท็อกซิน สารพิษจากเชื้อรา กินบ่อยไป เสี่ยงสูง "มะเร็งตับ" ย้ำถั่วกินได้ แนะวิธีกินพอเหมาะ เก็บที่แห้ง ปิดสนิท
อัปเดตประเด็นสุขภาพร้อนแรงที่กำลังเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง หมอเตือนล่าสุด ตรวจพบวิจัยไทยเผย "ถั่วลิสง - ถั่วบด - ถั่วคั่ว" มีอะฟลาท็อกซิน สารพิษจากเชื้อรา กินบ่อยไป เสี่ยงสูง "มะเร็งตับ" ย้ำถั่วกินได้ แนะวิธีกินพอเหมาะ ซื้อจากแหล่งน่าเชื่อถือ เก็บในที่แห้ง ปิดสนิท เจอเชื้อราห้ามกิน
ย้ำมะเร็งตับไม่ได้เกิดจากอะฟลาท็อกซินอย่างเดียว มีปัจจัยเสี่ยงอื่นร่วมด้วย ไวรัสตับอักเสบ - ไขมันพอกตับ - ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
"หมอเจด" หรือ นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ นายแพทย์ชำนาญการ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลสุขภาพที่สำคัญ เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงการทานอาหารใกล้ตัวอย่าง “ถั่วลิสง” ที่อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก "หมอเจด" ระบุว่า วิจัยไทยเผย! “ถั่วลิสง” อาหารใกล้ตัว แต่เสี่ยงมะเร็งตับ
เวลาพูดถึงมะเร็งตับ หลายคนน่าจะนึกถึงสาเหตุหลักๆที่เรานึกถึงคือ “ดื่มเหล้าบ่อย ๆ” ใช่ไหมครับ ตอนนี้วิจัยจากไทย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (2013–2014) น่าสนใจมาก คนแชร์กันเต็มฟีดเลย เพราะไปตรวจเจอสารพิษแฝงที่ชื่อว่า อะฟลาท็อกซิน (Aflatoxin) ในถั่วลิสงและผลิตภัณฑ์ถั่วลิสง ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่เพิ่มความเสี่ยงต่อ มะเร็งตับ
วันนี้จะเล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่าย ๆ ว่า งานวิจัยนี้เจออะไร ทำไมมันถึงอันตราย และเราควรระวังยังไง แต่บอกไว้ก่อนนะ ผมไม่ได้ห้ามกินถั่วนะ แต่เราต้องเลือกกินดีๆ อ่านให้จบนะครับ เพราะตอนท้ายบอกวิธีเลือก และลดความเสี่ยงอยู่
อะฟลาท็อกซินคืออะไร ทำไมถึงต้องกลัว
ใครที่ตามเพจผมเชื่อว่าน่าจะเคยได้ยินชื่อเชื้อรานี้บ้างนะ
- อะฟลาท็อกซินคือสารพิษจากเชื้อรา Aspergillus flavus และ A. parasiticus เชื้อรานี้ชอบโตในอาหารที่เก็บไว้นานและมีความชื้น เช่น ถั่วลิสง ข้าวโพด พริกแห้ง ข้าว
สิ่งที่น่ากลัวคือ องค์การอนามัยโลก (WHO) จัดอะฟลาท็อกซินเป็น สารก่อมะเร็งกลุ่ม 1 (Group 1 carcinogen) มีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นสาเหตุของมะเร็งตับในมนุษย์
"ถ้าใครมีโรคตับอยู่แล้ว เช่น ไวรัสตับอักเสบ B หรือ C ความเสี่ยงจะสูงขึ้นไปอีกหลายเท่า"
งานวิจัยเจออะไรในถั่วลิสงไทย
นักวิจัยเก็บ ตัวอย่างถั่วลิสง 60 ตัวอย่าง จากตลาดทั้งค้าปลีกและค้าส่งในกรุงเทพฯ แล้วเอามาตรวจวิเคราะห์
ผลคือ
- ถั่วดิบ : 80% พบปนเปื้อน
- ถั่วคั่วและถั่วบด : 100% เจอทุกตัวอย่าง
- ถั่วบด : ปริมาณสูงสุด 362.48 ng/g (เฉลี่ย ~68 ng/g)
- ถั่วคั่ว : ค่าเฉลี่ย ~18 ng/g แต่ก็ยังเจอทุกตัวอย่าง
พูดให้เข้าใจง่ายๆคือถั่วลิสงในตลาดแทบทั้งหมดปนเปื้อน เพียงแต่อยู่ในระดับต่างกัน โดยเฉพาะ ถั่วบด ที่เสี่ยงที่สุด
แล้วกระทบสุขภาพยังไง?
งานวิจัยประเมินว่า
- คนทั่วไปได้รับสารนี้จากถั่วบดมากกว่าถั่วชนิดอื่นหลายเท่า
- เด็กเล็ก ได้รับสารมากกว่าผู้ใหญ่เกือบ 2.5 เท่า เพราะตัวเล็กแต่กินถั่วบดในปริมาณพอ ๆ กัน
เมื่อคำนวณความเสี่ยง ประมาณ 0.01–0.12 ราย/แสนคน/ปี อาจดูเป็นตัวเลขเล็ก ๆ แต่พอคิดว่าคนไทยกินถั่วแทบทุกวัน ทั้งส้มตำ น้ำพริก ผัดไทย… ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กเลยครับ
ไม่ได้มีแค่ถั่วลิสง อะฟลาท็อกซินเจอที่ไหนอีก
หลายคนอาจคิดว่ากินถั่วน้อยก็จบ แต่จริง ๆ แล้วสารนี้ยังเจอในอาหารอื่น ๆ อีก โดยเฉพาะของที่เก็บไว้นานและเสี่ยงขึ้นรา เช่น
- ข้าวโพด : ถ้าใช้ทำอาหารสัตว์ ก็อาจสะสมในเนื้อสัตว์/นม
- พริกแห้ง สมุนไพรแห้ง : ถ้าตากแดดไม่พอหรือเก็บไม่ถูกวิธี
- ข้าว : โดยเฉพาะข้าวเก่าหรือข้าวที่เก็บในโกดังชื้น
- นมและผลิตภัณฑ์นม : เจอได้ในรูป Aflatoxin M1 เพราะวัวกินอาหารปนเปื้อน
ข้อมูลจาก FAO ยังบอกว่า การได้รับอะฟลาท็อกซินของคนไทยกว่า 90% มาจาก “ถั่วลิสง” นี่แหละ เราเลยต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้
เราจะป้องกันตัวเองยังไง
- ไม่ได้ห้ามกินถั่วนะครับ : ถั่วลิสงยังมีประโยชน์ โปรตีน ไขมันดี ใยอาหาร แต่ต้อง “เลือกให้ดี กินให้พอดี เก็บให้ถูก”
- เลี่ยงอาหารที่เสี่ยงขึ้นรา เช่น ถั่วที่เก็บไว้นาน มีจุดดำ หรือกลิ่นอับ
- วิธีเก็บสำคัญ : เก็บในที่แห้ง เย็น ปิดสนิท
- กลุ่มที่ต้องระวังเป็นพิเศษ : เด็กเล็ก คนมีโรคตับ หรือพาหะไวรัสตับอักเสบ
- ระดับประเทศ : ต้องเข้มงวดเรื่อง GAP และตรวจคุณภาพจริงจัง
ผมเองก็กินถั่วบ่อยนะ เดี๋ยวสรุปให้ฟังว่าจะเลือกกินถั่วยังไง
- ไม่ซื้อถั่วที่มีคราบดำ จุดขึ้นรา หรือกลิ่นผิดปกติ
- ถั่วคั่วใหม่ ๆ จะเสี่ยงน้อยกว่าถั่วเก่าที่เก็บไว้นาน
- เก็บถั่วในภาชนะปิดสนิท วางในที่แห้งและเย็น
- ถ้ามีเชื้อรา แม้เล็กน้อย ควรทิ้งทันที ไม่ควรตัดส่วนที่เสียออกแล้วกินต่อ
- อะฟลาท็อกซินทนความร้อน การคั่วหรือปรุงอาหารทั่วไปทำลายได้ไม่มาก
ฝากนะทุกคน งานวิจัยไทยเจอว่า ถั่วลิสงเกือบทั้งหมดในตลาดปนเปื้อนอะฟลาท็อกซิน โดยเฉพาะถั่วบดที่มีสารสูงมาก กินบ่อย ๆ เสี่ยงมะเร็งตับได้
แต่ก็ต้องย้ำว่า มะเร็งตับไม่ได้เกิดจากอะฟลาท็อกซินอย่างเดียว ปัจจัยเสี่ยงอื่นก็สำคัญ เช่น
- ไวรัสตับอักเสบ B และ C
- ไขมันพอกตับ (NAFLD/NASH)
- การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
เพราะฉะนั้น ถ้าอยากลดความเสี่ยงจริง ๆ ไม่ใช่แค่เลือกถั่วให้ปลอดภัย แต่ต้องดูแลตับรอบด้าน เช่น ตรวจสุขภาพตับประจำปี คุมน้ำหนัก ลดหวานมัน เค็ม คุมเบาหวาน ความดัน และงดเหล้าเบียร์ไปด้วยครับ แบบนี้จะลดความเสี่ยงมะเร็งตับได้เยอะเลย







