ตอบสามคําถาม ทําไมการบริหารวัดในปัจจุบันมีปัญหา

สัปดาห์ที่แล้วมีรายการจากไทยพีบีเอส ขอสัมภาษณ์ผมเกี่ยวกับปัญหาในการบริหารวัดจากข่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ว่ามีสาเหตุมาจากอะไรและควรแก้ไขอย่างไร
ซึ่งผมได้ให้ความเห็นไปโดยอาศัยสิ่งที่เรียนรู้จากการทําโครงการ “บริหารวัดในพระพุทธศาสนาตามหลักธรรมาภิบาล” ของมูลนิธินโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล ร่วมกับมูลนิธิหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ
ช่วงสองปีที่ผ่านมา ซึ่งมี 16 วัดทั่วประเทศสมัครใจเข้าร่วมโครงการเป็นวัดนำร่อง วันนี้จึงอยากแชร์ความเห็นผมเรื่องนี้ให้แฟนคอลัมน์ทราบ แบบถามตอบสามคําถาม นี่คือประเด็นที่จะเขียนวันนี้
๐ ปัญหาในการบริหารจัดการศาสนสมบัติวัดในปัจจุบันเกิดจากอะไร
ในความเห็นของผม ปัญหามาจากโครงสร้างการบริหารที่ถูกกำหนดขึ้นตามกฎหมาย ที่กระทบการใช้อํานาจ และมีผลต่อเนื่องไปถึงการดูแลศาสนสมบัติวัด
สมัยก่อน วัดจะบริหารโดยพระสงฆ์ตามหลักการอยู่ร่วมกันโดยมีพระธรรมวินัยเป็นหลักยึด ซึ่งไม่ค่อยมีปัญหา และวัดก็มีบทบาทที่ดีในสังคมทั้งต่อชุมชน สังคม และงานของราชการ พอมีกฎหมายกำหนดให้เจ้าอาวาสเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ มีระเบียบเข้ามากํากับดูแลแบบราชการ วัดก็ต้องปรับตัวเพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย
ขณะที่ความรู้ความสามารถของพระสงฆ์จะอยู่ในเรื่องธรรมเป็นหลัก ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าทางโลกเขาทํากันอย่างไร แต่ก็พยายามทําตามระเบียบราชการ โดยเฉพาะเรื่อง การเงิน บัญชี และการบริหารศาสนสมบัติ เป็นความลําบากใจของพระสงฆ์ ที่กระทบไปถึงการทําหน้าที่ของวัดในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
นี่คือ ความไม่พร้อมและเรากําลังพูดถึงเกือบ 4 หมื่นวัดทั่วประเทศ ความไม่พร้อมนี้ทําให้เกิดช่องว่างในการปรับตัวที่วัดพยายามทํา แต่หลายวัดทําไม่ได้เพราะขาดความรู้ หลายวัดพยายามทําแต่ไม่รู้ว่าที่ทําไปที่ส่งไปถูกต้องหรือไม่
บางวัดอาศัยความรู้ความสามารถของคฤหัสถ์หรือคนนอกเข้ามาช่วย วัดที่ได้คฤหัสถ์ที่ดีมาช่วยก็ดีไป แต่ถ้าได้คฤหัสถ์ที่ไม่ดี ไม่บริสุทธิ์ใจ ปัญหาก็จะเกิดขึ้นอย่างที่เป็นข่าว ยิ่งภาคราชการเน้นแก้ปัญหาโดยการออกระเบียบมากขึ้น ก็ยิ่งเป็นแรงกดดันต่อวัด
ดังนั้น เท่าที่ประเมิน ปัญหามาจากช่องว่างในการปรับตัวของวัดต่อการกํากับดูแลแบบราชการ ที่มีระเบียบที่ต้องปฏิบัติตาม ขณะที่วัดขาดความพร้อม ช่องว่างจึงเกิดขึ้นและเป็นจุดอ่อน
ในหลายสถานการณ์ช่องว่างเหล่านี้ถูกซํ้าเติมหรือถูกฉวยโอกาสโดยคฤหัสถ์จากภายนอกที่เข้ามามีบทบาทในวัด นําไปสู่ความผิดพลาดและเกิดปัญหาต่างๆอย่างที่เป็นข่าว
สำหรับวิธีแก้ หน่วยงานกำกับดูแลต้องตระหนักในข้อจํากัดที่วัดมีในการปฏิบัติตามระเบียบ จึงควรออกแบบกฎเกณฑ์และรายงานที่วัดต้องทําให้ง่าย ชัดเจน และตามความจําเป็น รวมทั้งให้คําแนะนําในสิ่งที่วัดทําหรือข้อมูลที่วัดส่งไป เพื่อให้วัดสามารถทํารายงานต่างๆ เช่นบัญชี ได้อย่างถูกต้อง
และสนับสนุนชุมชน ภาคประชาสังคม ธุรกิจ ให้เข้ามาช่วยวัดวางระบบเพื่อจัดทําสิ่งเหล่านี้ได้ตามมาตรฐานและเกณฑ์ของราชการ รวมถึงให้ความรู้เพื่อให้วัดสามารถทําสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องพึ่งคนนอก ประสบการณ์จากโครงการวัดที่ทำชี้ว่าสิ่งเหล่านี้วัดทําได้และวัดพร้อมเปลี่ยนแปลง
๐ การผูกขาดอํานาจของเจ้าอาวาสมีข้อดีข้อเสียอย่างไร โดยเฉพาะเรื่องการจัดการเงินในวัด
การผูกขาดอํานาจมาจากกฎหมายที่ระบุให้เจ้าอาวาสมีอํานาจสูงสุดในวัด เมื่อเป็นเช่นนี้ก็มีความเสี่ยงเรื่องการใช้อํานาจ ถ้าดีก็ดีไป ถ้าไม่ดีก็เกิดการใช้อํานาจที่ผิดที่อาจสร้างความเสียหายให้กับวัดตามมา
วิธีป้องกัน คือพยายามทําให้วัดมีระบบงานที่มีการถ่วงดุลการใช้อํานาจ เพื่อให้เกิดการตัดสินใจที่ดีและปกป้องเจ้าอาวาสจากการทําผิดพลาด ซึ่งแนวปฏิบัติในเรื่องนี้ที่โครงการแนะนําคือ การตัดสินใจควรเป็นหมู่คณะในรูปคณะกรรมการ ซึ่งเป็นพื้นฐานของสังฆะมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล
คณะกรรมการมีเจ้าอาวาสเป็นประธาน กรรมการมีพระสงฆ์ในวัด มีคฤหัสถ์และไวยาวัจกรเข้าร่วม จะทําได้ครบถ้วนแค่ไหนขึ้นอยู่กับบุคลากรที่วัดมี รวมถึงความสัมพันธ์ที่วัดมีกับชุมชน ในวัดที่เข้าร่วมโครงการ บางวัดเริ่มด้วยกรรมการที่มีแต่พระสงฆ์ บางวัดมีคฤหัสถ์และหรือไวยาวัจกรเข้าร่วม
ประเด็นคือ ให้มีการตัดสินใจร่วมกันในเรื่องที่เกี่ยวกับวัด ไม่ใช่เจ้าอาวาสตัดสินใจคนเดียว ขณะเดียวกัน คณะกรรมการก็ช่วยเจ้าอาวาสกําหนดนโยบายและออกระเบียบต่างๆ ในการบริหารวัด เพื่อให้เกิดการทํางานที่เป็นระบบ ซึ่งจะลดความเสี่ยงและลดภาระต่อพระสงฆ์ในการบริหารวัด
๐ ทำอย่างไรให้การบริหารการเงินวัดโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่เกิดการทุจริต
เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทุกวัดทําได้ เริ่มจาก
1.วัดมีนโยบายด้านรายได้ชัดเจนที่ระบุว่าวัดมีรายได้จากทางไดบ้าง ให้เป็นที่ทราบทั่วกัน เช่น การบริจาค กฐิน ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการแอบอ้างของคนนอก ว่าทําเพื่อวัด เช่นทํากิจกรรมเชิงพานิชย์ต่างๆ
2.วัดมีระบบด้านการเงินและบัญชีที่เป็นมาตรฐาน ได้แก่ บันทึกรายรับรายจ่ายที่เกิดขึ้นอย่างครบถ้วนพร้อมหลักฐาน มีระเบียบการเงินที่กำหนดอํานาจในการรับและจ่ายเงิน มีการควบคุมภายในที่ตรวจสอบการปฏิบัติตามระเบียบ มีระบบบันทึกบัญชีที่เป็นมาตรฐาน ตัวเลขรับจ่ายในบัญชีกระทบยอดได้กับยอดคงค้างในสมุดบัญชีธนาคารของวัด
3.มีการสอบทานการลงบัญชีโดยผู้สอบทานจากภายนอกที่วัดแต่งตั้ง สอบทานการลงบัญชีตามคู่มือการบันทึกบัญชีของวัด
4.วัดจัดทําบัญชีทรัพย์สินในรายการที่สําคัญ
5.มีการรายงานตัวเลขการเงินตามเกณฑ์ที่สํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติกำหนด และมีระบบการเปิดเผยข้อมูลให้กับบุคคลทั่วไป
สำหรับวัดที่มีกิจกรรมช่วยเหลือสังคมในลักษณะที่ทําต่อเนื่องและทําเป็นประจํา มีการบริจาคเพื่อสนับสนุนกิจกรรมเหล่านี้โดยตรง วัดควรแยกบัญชีของกิจกรรมเหล่านี้ออกจากบัญชีการเงินของวัด
ทั้งหมดคือ สิ่งที่อยากเห็นและเป็นสิ่งที่โครงการแนะนําให้กับวัด เพื่อให้การบริหารการเงินของวัดโปร่งใส ตรวจสอบได้ และลดความเสี่ยงการทุจริต ซึ่งจากประสบการณ์ที่ทําโครงการ ทั้งหมดเป็นสิ่งที่วัดสามารถทำได้







