รับมือ 'พายุคาจิกิ' สธ. เปิด 6 มาตรการฉุกเฉิน ย้ำ รพ. พร้อมรับฝนหนัก

รับมือ 'พายุคาจิกิ' สธ. เปิด 6 มาตรการฉุกเฉิน ย้ำ รพ. พร้อมรับฝนหนัก

สธ. เร่งเตรียมพร้อมรับมือ "พายุคาจิกิ" สั่งด่วนโรงพยาบาลและสำนักงานสาธารณสุขทั่วประเทศเปิดศูนย์ฉุกเฉิน พร้อมดำเนิน 6 มาตรการเข้มข้นดูแลประชาชนในพื้นที่เสี่ยง

วันนี้ (26 ส.ค. 68) ที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHEOC) กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ประชุมร่วมกับกรมวิชาการ สำนักงานเขตสุขภาพ และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อรับมือกับสถานการณ์พายุโซนร้อนคาจิกิ” ที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้แจ้งเตือนว่า จะทำให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน
 

นายแพทย์วีรวุฒิ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้สั่งการให้ดำเนินการตาม 6 มาตรการหลักอย่างเร่งด่วน เพื่อดูแลประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ดังนี้

1. จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ : ให้พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการสาธารณสุข (EOC) ทั้งในระดับเขตและจังหวัด เพื่อติดตามและรายงานสถานการณ์ให้ PHEOC ส่วนกลางทราบอย่างต่อเนื่อง

2. ตรวจสอบความพร้อมของโรงพยาบาล : โรงพยาบาลในพื้นที่เสี่ยงต้องเตรียมความพร้อมในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟฟ้าสำรอง น้ำสะอาด ยา เวชภัณฑ์ เลือด และระบบการส่งต่อผู้ป่วย เพื่อให้สามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่องแม้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน

3. วางแผนการส่งต่อผู้ป่วย : จัดเตรียมระบบส่งต่อผู้ป่วยในกรณีที่โรงพยาบาลไม่สามารถให้บริการได้ โดยมีการกำหนดสายด่วนหรือช่องทางด่วนในการประสานงาน

4. เตรียมทีมแพทย์ฉุกเฉิน : เตรียมทีมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุข (MERT และ MiniMERT) สำหรับสนับสนุนพื้นที่ประสบภัย รวมถึงทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต (MCATT) เพื่อเข้าพื้นที่หากสถานการณ์มีความรุนแรง

5. เฝ้าระวังโรค : เฝ้าระวังและป้องกันโรคที่มากับน้ำท่วม เช่น โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน โรคไข้เลือดออก โรคฉี่หนู (เลปโตสไปโรซิส) และโรคระบบทางเดินหายใจ

6. สื่อสารและประชาสัมพันธ์ : สื่อสารความเสี่ยงและเผยแพร่ข้อมูลการป้องกันโรคภัยสุขภาพที่มากับน้ำท่วมให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันยังไม่มีสถานพยาบาลแห่งใดได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว แต่กระทรวงสาธารณสุขได้ทำการเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและพร้อมรับมืออย่างเต็มที่เพื่อความปลอดภัยของประชาชน