'พายุคาจิกิ' จ่อเข้าไทย 26 ส.ค. กำชับ 8 แนวทางป้องกันน้ำท่วม ลมแรง

รมช.มหาดไทย ประชุมด่วนรับมือ "พายุคาจิกิ" จ่อเข้าไทย 26 ส.ค. 68 พร้อมกำชับ 8 แนวทางป้องกันภัยน้ำท่วมและลมแรง เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนอย่างใกล้ชิด
วันนี้ (25 ส.ค. 68) นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือพายุไต้ฝุ่น "คาจิกิ" โดยเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานทำงานเชิงรุก และกำชับ 8 แนวทางสำคัญเพื่อป้องกันและบริหารจัดการภัยอย่างมีประสิทธิภาพ
พายุ "คาจิกิ" เคลื่อนตัวเข้าไทย เตือนพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานตอนบน
กรมอุตุนิยมวิทยา ได้แจ้งว่า พายุ "คาจิกิ" ได้เคลื่อนขึ้นฝั่งที่ประเทศเวียดนามแล้ว และคาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนและพายุดีเปรสชันตามลำดับ ก่อนจะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและภาคเหนือของไทยในวันที่ 26 สิงหาคม 2568 ส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าวมีฝนตกหนักถึงหนักมากและมีลมแรง โดยเฉพาะในจังหวัดบึงกาฬ หนองคาย นครพนม สกลนคร อุดรธานี หนองบัวลำภู เลย อุตรดิตถ์ น่าน พะเยา แพร่ เชียงราย และลำปาง
ตั้งวอร์รูม 24 ชม. พร้อมเน้นย้ำ 8 แนวทางรับมือ
นางสาวธีรรัตน์ กล่าวว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้ทุกจังหวัดตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งให้ตรวจสอบป้ายขนาดใหญ่และควบคุมการเผยแพร่ข่าวปลอมที่อาจทำให้ประชาชนตื่นตระหนก
นอกจากนี้ ยังได้กำชับ 8 แนวทางสำคัญเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสถานการณ์และสร้างความพึงพอใจให้กับประชาชน ดังนี้:
1. ทบทวนพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมซ้ำซาก: กำหนดจุดเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
2. จัดเตรียมพื้นที่รองรับน้ำ: เตรียมพื้นที่รองรับน้ำให้เพียงพอเพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน
3. ประเมินศักยภาพการระบายน้ำ: ประเมินความสามารถในการระบายน้ำแต่ละพื้นที่อย่างแม่นยำ และประสานขอรับการสนับสนุนจากศูนย์ ปภ.เขตหากจำเป็น
4. เร่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้า : ลงพื้นที่แก้ไขปัญหาและบริหารจัดการสถานการณ์หน้างานทันที เพื่อให้ประชาชนรู้สึกอุ่นใจว่ามีเจ้าหน้าที่อยู่เคียงข้าง
5. ประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่ถูกต้อง : ประชาสัมพันธ์สายด่วน 1784 และช่องทางอื่นๆ อย่างสม่ำเสมอผ่านทุกสื่อ เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูลที่ถูกต้องและไม่หลงเชื่อข่าวปลอม
6. สร้างพลังการมีส่วนร่วม : ร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการบริหารจัดการสถานการณ์
7. วางแผนเส้นทางจราจร : ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแผนเส้นทางสำรองและอำนวยความสะดวกผู้ใช้รถใช้ถนน
8. ดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว : ประสานหน่วยงานที่ดูแลสถานที่ท่องเที่ยวให้แจ้งเตือนประชาชนและนักท่องเที่ยว และพิจารณาปิดพื้นที่หากสถานการณ์รุนแรง ทั้งนี้ ขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานควบคู่ไปกับการดูแลประชาชนด้วย
การประชุมครั้งนี้มีผู้แทนจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ และผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงเข้าร่วม เพื่อยืนยันความพร้อมในการรับมือสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นอย่างเต็มที่







