จับตา! ระดับน้ำโขงเพิ่มสูง จาก 'พายุคาจิกิ' เฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง

สทนช. ประชุมด่วน 2 ศูนย์ฯ ส่วนหน้า รับมือพายุ “คาจิกิ” พร้อมประสาน MRCS - สปป.ลาว - จีน เพื่อลดผลกระทบให้ชาวริมโขง หลังคาดระดับน้ำโขงจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
วันนี้ (24 ส.ค. 68) ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ ณ ศาลากลางจังหวัดหนองคาย และนางพัชรวีร์ สุวรรณิก รองเลขาธิการ สทนช. เป็นประธานการประชุมในพื้นที่ลุ่มน้ำยม-น่าน ณ ศาลากลางจังหวัดน่าน โดยเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ฝนตกหนักจากอิทธิพลของ "พายุคาจิกิ" และพายุที่อาจจะก่อตัวขึ้นในช่วงต้นเดือนกันยายนตามข้อสั่งการของนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)
เพิ่มการระบายน้ำเขื่อนใหญ่รับมือพายุ
ดร.สุรสีห์ เปิดเผยว่า พายุ "คาจิกิ" บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่น ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่จำนวนมากในช่วงวันที่ 25 - 30 สิงหาคมนี้ โดยเฉพาะเขื่อนสิริกิติ์และเขื่อนภูมิพล คาดว่าจะมีน้ำไหลเข้าแห่งละมากกว่า 500 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) และเขื่อนน้ำอูนและหนองหาร ที่คาดว่าจะมีน้ำไหลเข้ามากกว่า 100 ล้าน ลบ.ม.
เพื่อรองรับปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น สทนช. ได้หารือร่วมกับกรมชลประทานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อปรับเพิ่มอัตราการระบายน้ำ โดยเฉพาะที่เขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งยังคงมีปริมาณน้ำมาก ได้มีการปรับอัตราการระบายน้ำจากเดิม 45 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน เป็น 50 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน ตั้งแต่วันที่ 23 - 31 สิงหาคม 2568 เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำของลุ่มน้ำเจ้าพระยาเป็นไปอย่างเหมาะสมและป้องกันผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตรและชุมชน
เตรียมพื้นที่รองรับน้ำหลากและเฝ้าระวังพื้นที่ริมแม่น้ำโขง
นอกจากนี้ สทนช. ยังเน้นย้ำให้มีการเตรียมพื้นที่ลุ่มต่ำสำหรับหน่วงน้ำหลากก่อนไหลเข้าสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา เช่น ทุ่งบางระกำ ทุ่งลุ่มต่ำเจ้าพระยาตอนล่าง 10 ทุ่ง และบึงบอระเพ็ด ซึ่งปัจจุบันเกือบทุกแห่งเก็บเกี่ยวผลผลิตใกล้แล้วเสร็จ ยกเว้นทุ่งบางกุ่มที่คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 20 ตุลาคมนี้ โดยกรมชลประทานได้ลงพื้นที่ชี้แจงทำความเข้าใจกับเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง
สำหรับ พื้นที่ริมแม่น้ำโขง สทนช. ได้ประสานสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRCS) เพื่อประเมินพื้นที่เสี่ยงน้ำล้นตลิ่งอย่างต่อเนื่อง และจะทำงานร่วมกับ สปป.ลาว รวมถึงจีน ในการบริหารจัดการน้ำจากเขื่อนต้นน้ำ เพื่อลดผลกระทบต่อชุมชนริมแม่น้ำโขง
พร้อมรับมือและแผนอพยพ
ดร.สุรสีห์กล่าวว่า พายุ "คาจิกิ" คาดว่าจะมีเส้นทางใกล้เคียงกับพายุ "วิภา" แต่มีแนวโน้มจะกระจายตัวมากกว่า โดยชื่นชมทุกหน่วยงานที่ได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ ทั้งการซ่อมแซมคันกั้นน้ำ การเตรียมเครื่องจักรและชุดปฏิบัติการเพื่อเฝ้าระวังในทุกจุดเสี่ยง และได้กำชับให้ทุกจังหวัดเตรียมแผนอพยพผู้ประสบภัย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางให้มีความพร้อมสูงสุด รวมถึงติดตามข้อมูลจากเรดาร์ฝนของกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) เพื่อแจ้งเตือนประชาชนได้อย่างทันท่วงที






