ปภ. เตือนด่วน 45 จังหวัด เฝ้าระวังน้ำท่วม น้ำป่าหลาก ดินถล่ม 24-28 ส.ค.

ปภ. แจ้งเตือนด่วน 45 จังหวัด 'เหนือ-อีสาน-กลาง-ใต้' เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม ในช่วงวันที่ 24-28 ส.ค. 68
ประกาศเตือนล่าสุด กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เตือนด่วน 45 จังหวัด ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง ดินโคลนถล่ม ขณะที่ อ่างเก็บน้ำมีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ระดับน้ำเพิ่มขึ้นฉับพลัน น้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ระดับน้ำในแม่น้ำยมและแม่น้ำแควน้อยเปลี่ยนแปลง รวมถึงเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำเพิ่มขึ้น ในช่วงวันที่ 24 - 28 ส.ค. 68
โดยจัดทีมปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย โดยเฉพาะพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง ให้เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างเต็มกำลัง เพื่อลดผลกระทบจากเหตุอุทกภัยให้ได้มากที่สุด รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนปฏิบัติตามประกาศแจ้งเตือนภัยจากทางราชการอย่างเคร่งครัด
นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) มีประกาศฉบับที่ 18/2568 เรื่องเฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง และระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา ระบุว่า ได้ติดตามการคาดการร์สภาพอากาศพบว่า จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ และได้ประเมิน วิเคราะห์สภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ พบว่า มีพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ เนื่องจากระบายน้ำไม่ทัน และระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายน้ำ กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง จึงขอแจ้งพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์ ระหว่างวันที่ 24 - 28 สิงหาคม 2568 แยกเป็น
พื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินโคลนถล่ม
ภาคเหนือ (11 จังหวัด)
- แม่ฮ่องสอน (อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน อำเภอปาย อำเภอขุนยวม อำเภอแม่สะเรียง และอำเภอสบเมย)
- เชียงใหม่ (อำเภอฝาง อำเภอแม่อาย และอำเภออมก๋อย)
- เชียงราย (อำเภอเมืองเชียงราย อำเภอแม่สาย อำเภอเชียงของ อำเภอเชียงแสน อำเภอเวียงชัย อำเภอเวียงเชียงรุ้ง อำเภอพญาเม็งราย อำเภอเทิง อำเภอแม่จัน และอำเภอดอยหลวง)
- ลำพูน (อำเภอเมืองลำพูน อำเภอแม่ทา และอำเภอบ้านธิ)
- ลำปาง (อำเภอเมืองลำปาง อำเภอแม่ทะ อำเภอห้างฉัตร และอำเภอเมืองปาน)
- พะเยา (อำเภอเมืองพะเยา อำเภอปง และอำเภอเชียงคำ)
- น่าน (อำเภอทุ่งช้าง อำเภอแม่จริม และอำเภอเวียงสา)
- อุตรดิตถ์ (อำเภอท่าปลา และอำเภอน้ำปาด)
- ตาก (อำเภอท่าสองยาง อำเภอแม่ระมาด อำเภอแม่สอด และอำเภออุ้มผาง)
- พิษณุโลก (อำเภอเมืองพิษณุโลก อำเภอชาติตระการ อำเภอนครไทย อำเภอบางระกำ อำเภอเนินมะปราง และอำเภอวังทอง)
- เพชรบูรณ์ (อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ อำเภอวังโป่ง และอำเภอศรีเทพ)
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (10 จังหวัด)
- เลย (อำเภอเมืองเลย อำเภอเชียงคาน อำเภอนาแห้ง และอำเภอวังสะพุง)
- หนองคาย (อำเภอเมืองหนองคาย อำเภอท่าบ่อ และอำเภอสระใคร)
- บึงกาฬ (อำเภอเมืองบึงกาฬ)
- อุดรธานี (อำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอบ้านดุง อำเภอกุดจับ อำเภอน้ำโสม อำเภอบ้านผือ และอำเภอเพ็ญ)
- สกลนคร (อำเภอวานรนิวาส และอำเภออากาศอำนวย)
- ชัยภูมิ (อำเภอคอนสาร อำเภอจัตุรัส และอำเภอหนองบัวแดง)
- ยโสธร (อำเภอไทยเจริญ และอำเภอเลิงนกทา)
- อำนาจเจริญ (อำเภอเมืองอำนาจเจริญ อำเภอเสนานิคม และอำเภอชานุมาน)
- นครราชสีมา (อำเภอคง อำเภอครบุรี อำเภอชุมพวง อำเภอด่านขุนทด อำเภอโนนสูง อำเภอบัวใหญ่ อำเภอปากช่อง อำเภอพิมาย อำเภอวังน้ำเขียว อำเภอสีคิ้ว และอำเภอสูงเนิน)
- อุบลราชธานี (อำเภอเมืองอุบลราชธานี อำเภอเขมราฐ อำเภอนาตาล อำเภอเดชอุดม อำเภอนาจะหลวย อำเภอนาเยีย อำเภอน้ำยืน อำเภอบุณฑริก อำเภอพิบูลมังสาหาร อำเภอวารินชาบ และอำเภอสำโรง)
ภาคกลาง (7 จังหวัด)
- นครนายก (อำเภอเมืองนครนายก และอำเภอปากพลี)
- ปราจีนบุรี (อำเภอเมืองปราจีนบุรี อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอนาดี อำเภอประจันตคาม และอำเภอศรีมหาโพธิ์)
- สระแก้ว (อำเภอเมืองสระแก้ว อำเภอโคกสูง อำเภอตาพระยา และอำเภอวัฒนานคร)
- ชลบุรี (อำเภอบางละมุง และอำเภอศรีราชา)
- ระยอง (อำเภอเมืองระยอง อำเภอบ้านค่าย อำเภอปลวกแดง และอำเภอนิคมพัฒนา)
- จันทบุรี (อำเภอเมืองจันทบุรี อำเภอแก่งหางแมว อำเภอเขาคิชฌกูฏ อำเภอท่าใหม่ อำเภอโป่งน้ำร้อน อำเภอมะขาม อำเภอสอยดาว อำเภอแหลมสิงห์ และอำเภอขลุง)
- ตราด (ทุกอำเภอ)
ภาคใต้ (5 จังหวัด)
- ชุมพร (อำเภอเมืองชุมพร อำเภอพะโต๊ะ และอำเภอหลังสวน)
- สุราษฎร์ธานี (อำเภอบ้านตาขุน)
- ระนอง (ทุกอำเภอ)
- พังงา (อำเภอเมืองพังงา อำเภอคุระบุรี และอำเภอกะปง)
- ภูเก็ต (ทุกอำเภอ)
สำหรับพื้นที่เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุเก็บกัก บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก บึงกาฬ สกลนคร อุดรธานี นครพนม มุกดาหาร นครราชสีมา ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด สุราษฎร์ธานี และจังหวัดกระบี่
พื้นที่เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของแม่น้ำยม บริเวณอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก แม่น้ำแควน้อย บริเวณอำเภอนครไทย และอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก
และพื้นที่เฝ้าระวังกิจกรรมการใช้น้ำและการสัญจรทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา บริเวณ จังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานคร และจังหวัดสมุทรปราการ
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้ง 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัยได้ โดยได้กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่เสี่ยงและบริเวณที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ใน 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง เพื่อลดผลกระทบจากเหตุอุทกภัยให้ได้มากที่สุด
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากมีความเสี่ยงเกิดสถานการณ์ภัยให้ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่ ในกรณีที่มีคลื่นลมแรง ขอให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกประกาศหรือติดตั้งสัญญาณแจ้งเตือนบริเวณชายฝั่งทะเลห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำโดยเด็ดขาด และให้แจ้งชาวเรือ ผู้บังคับเรือ และผู้ประกอบการเดินเรือโดยสารเพิ่มความระมัดระวัง ในการเดินเรือหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง ให้พิจารณาห้ามเดินเรือเด็ดขาด พร้อมกันนี้ให้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัย และพร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีหากเกิดสถานการณ์ขึ้น ตลอด 24 ชั่วโมง และขอให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางราชการอย่างเคร่งครัด
สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ในระยะนี้ขอให้ติดตามสภาพอากาศ ประกาศการแจ้งเตือนภัย สถานการณ์น้ำในพื้นที่ และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น โดยสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน THAI DISASTER ALERT ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ ทั้งระบบ IOS และ Android และหากความเดือดร้อนจากสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ 'ปภ.รับแจ้งเหตุ1784' โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป







