Entertainment Complex เวียดนาม บทเรียนจากคาสิโนสู่ โมเดลเศรษฐกิจใหม่

ส่อง Entertainment Complex เวียดนาม จาก 'สนามทดลอง' สู่ 'โมเดลเศรษฐกิจใหม่' หลังอนุมัติโครงการ Van Don Integrated Casino and Tourism Complex
KEY
POINTS
- รัฐบาลเวียดนามอนุมัติโครงการ Entertainment Complex ขนาดใหญ่ "Van Don" มูลค่ากว่า 7.3 หมื่นล้านบาท เพื่อเป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่
- เวียดนามใช้กลยุทธ์ "โครงการนำร่อง" ที่เกาะฟู้โกว๊ก เพื่อทดลองให้คนในประเทศเข้าคาสิโนได้ ก่อนนำบทเรียนมาปรับปรุงกฎระเบียบ
- โมเดลใหม่ยกเลิกเงื่อนไขการพิสูจน์รายได้ แต่เปลี่ยนมาใช้ระบบ "ตั๋วเข้า" (Entry Fee) ที่เก็บค่าผ่านประตูสูงขึ้น เพื่อให้บริหารจัดการง่ายและขยายฐานลูกค้า
- โครงการนี้คาดว่าจะสร้างงานนับหมื่นตำแหน่ง เพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว และยกระดับจังหวัดกว๋างนิงห์ให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจทางภาคเหนือ
การอนุมัติลงทุนโครงการ Van Don Integrated Casino and Tourism Complex ที่จังหวัดกว๋างนิงห์ มูลค่ากว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 7.3 หมื่นล้านบาท) บนพื้นที่กว่า 244 เฮกตาร์ (1,527 ไร่) ของรัฐบาลเวียดนาม ถือเป็นโครงการขนาดมหึมาในเขตเศรษฐกิจพิเศษเวินโดน ที่จะกลายเป็นเครื่องยนต์ใหม่ของเศรษฐกิจเวียดนามในอนาคต ซึ่งเป็นที่น่าสนใจว่ากว่าจะมาถึงวันนี้ เวียดนามเดินเกมอย่างไร
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เวียดนามค่อยๆ ก้าวขึ้นมาเป็น 'สนามทดลอง' ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในเรื่อง 'เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์' (Entertainment Complex) และ 'คาสิโนรีสอร์ทแบบครบวงจร' (Integrated Resorts – IRs) ท่ามกลางแรงเสียดทานทางสังคมที่คล้ายคลึงกับไทย แต่สิ่งที่ทำให้เวียดนามน่าศึกษาคือ วิธีการเดินเกมทีละก้าว ไม่เปิดเสรีทันที แต่ใช้ 'โครงการนำร่อง' เก็บข้อมูลจริง ปรับกฎระเบียบ และค่อยๆ ออกแบบโมเดลที่เหมาะสมกับเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของตนเอง
จาก 'นำร่อง' สู่โมเดล 'ตั๋วเข้า'
จุดเริ่มสำคัญคือ พระราชกฤษฎีกา 03/2017/ND-CP ที่อนุญาตให้คนเวียดนามอายุ 21 ปีขึ้นไป เข้าเล่นคาสิโนได้ 'เฉพาะโครงการที่รัฐอนุมัติ' โดยมีเงื่อนไขพิสูจน์รายได้ขั้นต่ำ 10 ล้านด่งต่อเดือน (ราว 15,000 บาท) และจ่ายค่าผ่านประตู 1 ล้านด่งต่อ 24 ชั่วโมง หรือ 25 ล้านด่งต่อเดือน เฟสแรกนี้ถูกนำไปใช้ที่ Corona Resort & Casino บนเกาะฟู้โกว๊กตั้งแต่ปี 2019
ผลลัพธ์ตลอด 5 ปี ทำให้รัฐบาลเห็นว่า แม้จะควบคุมปัญหาสังคมได้ แต่กระบวนการพิสูจน์รายได้กลับ 'ลดแรงจูงใจ' ของผู้เล่น และทำให้การเข้าถึงระบบไม่สะดวกพอ ส่งผลให้ในวันที่ 1 มกราคม 2025 รัฐบาลประกาศยุตินำร่องชั่วคราว เพื่อปรับโครงสร้างใหม่
ส.ค. 2025 กระทรวงการคลังจึงเสนอโมเดลใหม่ออกมาพลิกเกม คือ 'ตั๋วเข้า' (Entry Fee Model) ที่ทำให้ผู้เล่นคนเวียดนามสามารถเข้าคาสิโนได้ โดยจ่าย 2.5 ล้านด่งต่อวัน (3,600 บาท) หรือ 50 ล้านด่งต่อเดือน (72,000 บาท) โดยไม่ต้องพิสูจน์รายได้อีกต่อไป โมเดลนี้ถูกมองว่า 'บริหารง่าย โปร่งใส และขยายฐานลูกค้า' พร้อมยังคงมาตรการป้องกัน เช่น สิทธิครอบครัวในการยื่นห้ามสมาชิกเข้าเล่น การบังคับใช้อายุขั้นต่ำ 21 ปี และการบันทึกข้อมูลลูกค้าอย่างน้อย 5 ปี
และล่าสุดใน IR ใหม่ Van Don Integrated Resort (กว๋างนิงห์) โครงการมูลค่า US$2 พันล้าน ของ Sun Group ที่เพิ่งได้รับอนุมัติในฐานะ IR รุ่นใหม่ โดยคาดว่าจะเป็น Entertainment Hub ของภาคเหนือ จุดเด่นสำคัญของโครงการนี้คือ การอนุญาตให้ชาวเวียดนามเข้าใช้บริการคาสิโนได้เป็นครั้งแรก ภายใต้กฎเกณฑ์ที่เข้มงวด ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายที่เพิ่มฐานลูกค้าภายในประเทศ พร้อมทั้งดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ
สร้างงาน เพิ่มรายได้ ยกระดับเศรษฐกิจ
การลงทุนครั้งนี้คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างราว 9 ปี และเปิดดำเนินการได้ต่อเนื่องสูงสุด 70 ปี เมื่อแล้วเสร็จจะเป็นแหล่งสร้างงานนับหมื่นตำแหน่ง ทั้งภาคก่อสร้าง การท่องเที่ยว การโรงแรม และธุรกิจบริการต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังจะช่วยเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวและการพนัน กระตุ้นการลงทุนจากต่างประเทศ และยกระดับบทบาทกว๋างนิงห์ให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวภาคเหนือของเวียดนาม
'จนในที่สุดคือการสร้างชื่อเวียดนามบนแผนที่แหล่งท่องเที่ยวและในอุตสาหกรรมบันเทิงโลก เทียบเคียงกับมาเก๊าและลาสเวกัสได้ในที่สุด'
อ้างอิง : theasset.com , vir.com







