กองปราบลุย แอบอ้างกองทุนหมู่บ้านต้มตุ๋น 7.8 ล้าน บุกจับ-ยึดรถหรู
ตำรวจกองปราบลุย แอบอ้างกองทุนหมู่บ้าน-ราชการต้มตุ๋น 7.8 ล้าน บุกจับ-ยึดรถหรูที่นครปฐม
กรณีตำรวจกองปราบลุย แอบอ้าง กองทุนหมู่บ้าน-ราชการต้มตุ๋น 7.8 ล้าน บุกจับ-ยึดรถหรู ที่นครปฐม
ปฏิบัติการ “Village Fund Zero Fraud กองทุนหมู่บ้านไร้โกง” ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) หรือ กองปราบ ร่วมกันจับกุมเฮียหน่อย ผู้ต้องในความผิดฐาน
- ฉ้อโกง
- ปลอมและใช้เอกสารปลอม
- โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่จะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคลหนึ่ง
- ฟอกเงิน
สถานที่จับกุม บริเวณ ม.1 ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 ผู้เสียหายได้มาพบพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหากรณีที่ผู้ต้องหาแอบอ้างว่าทำงานอยู่ที่มูลนิธิรัฐบุรุษ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
อ้างว่าสามารถช่วยเหลือให้บริษัทของผู้เสียหายได้งานในโครงการภาครัฐ และโครงการของสํานักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (SML) จนผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินเป็นค่าดำเนินการให้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566 ถึงปี พ.ศ. 2568 รวมจำนวน 89 ครั้ง เป็นเงิน 7,836,000 บาท
ซึ่งต่อมาภายหลัง ผู้เสียหายทราบว่าผู้ต้องหา ไม่ได้ดำเนินการอย่างที่แอบอ้างและไม่ได้เป็นบุคคลในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการแต่อย่างใด ผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการตรวจสอบทราบว่า ผู้ต้องหาได้แอบอ้างว่าตนเองดูแลโครงการของภาครัฐจำนวน 3 โครงการ ได้แก่
1. โครงการทำถนนของหน่วยทหารพัฒนา (นทพ.) (ตรวจสอบแล้วพบว่าโครงการดังกล่าวไม่มีอยู่จริง)
2. โครงการ 72 พรรษา น้ำพระทัยสู่ชุมชน เป็นโครงการบริจาคถังเก็บน้ำขนาดใหญ่ ให้กับชุมชน ในพื้นที่ 72 จังหวัด (นทพ.) (ตรวจสอบแล้วพบว่าโครงการดังกล่าวไม่มีอยู่จริง)
3. โครงการสนับสนุน เสริมสร้าง ศักยภาพกองทุนหมู่บ้านและชุมชนอย่างมั่นคง (กทบ.) (ตรวจสอบแล้วพบว่าโครงการดังกล่าวมีอยู่จริง แต่อยู่ในขั้นตอนการให้แต่ละกองทุนหมู่บ้าน ยื่นเรื่องเข้ามาของบกับ กทบ.)
ซึ่งนอกจากผู้ต้องหาจะอ้างว่าตนเองเป็นผู้ดูแลโครงการเหล่านี้แล้ว ยังได้ปลอมแปลงเอกสาร จากโครงการต่าง ๆ พร้อมกับส่งภาพถ่ายที่ร่วมถ่ายกับบุคคลที่มีชื่อเสียงในทางราชการ ส่งมาให้ผู้เสียหายดูเพื่อหลอกลวงให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าตนเองรู้จักกับบุคคลเหล่านี้ และสามารถช่วยเหลือผู้เสียหายได้จริง
จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า หลังจากที่ผู้ต้องหารับโอนเงินจากผู้เสียหายมาแล้วได้นำเงินดังกล่าวไปใช้จ่ายส่วนตัว โดยมีการโอนเงินไปให้กับบุคคลในครอบครัว รวมถึงมีการซื้อทรัพย์สินต่าง ๆ เช่น รถแม็คโคร วัว เป็นต้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ป. จึงได้สืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จากนั้นจึงขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับ และในวันที่ 18 ก.ค.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ป. ได้นำกำลังเข้าจับกุม พร้อมตรวจยึดของกลาง รถยนต์หรู จำนวน 3 คัน สมุดบัญชีธนาคาร บัตรกดเงินสด โทรศัพท์มือถือ และเอกสารจำนวนมาก จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาและของกลางส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมาย
การปฏิบัติภายใต้อำนวยการ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., ว่าที่ พ.ต.อ.เนติวิทย์ ธนาสิทธิ์นิติกุล ผกก.2 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.กฤษณะ เชิงยุทธ์ สว.กก.2 บก.ป., ร.ต.อ.ศุภกฤต เต็มเปี่ยม รอง สว.กก.2 บก.ป., ร.ต.ท.ถาวร โสรินทร์,ว่าที่ ร.ต.ท.ชาญชัย ปรึกไธสง, ร.ต.ต.อภัย แสนบุดดา รอง(ป.) สว.กก.2 บก.ป., ด.ต.ศราวุธ คุณธรรม, ด.ต.มานะ ชำนาญกิจ, ด.ต.ราเมศ เอมสมุท ด.ต.ธัญวิสิฏฐ์ ปรางค์ทอง, ด.ต.เสมือน เข้าครอง, ด.ต.วรเชษฐ์ โพธิ์ขาว, ด.ต.ธีระ ช่วยประสม ผบ.หมู่ กก.2 บก.ป.