ปภ. ชี้เป้า 24 จังหวัดเฝ้าระวังน้ำท่วม-น้ำป่า-ดินถล่ม 15-17 ส.ค.

ปภ. ประสาน 24 จังหวัด ภาคเหนือ อีสาน กลาง ใต้ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินโคล่นถล่ม ช่วง 15 – 17 ส.ค. 68 พื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด
วันนี้ (14 ส.ค. 68) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินโคลนถล่ม ในช่วงวันที่ 15 – 17 สิงหาคม 2568 โดยให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่เสี่ยงและบริเวณที่มีฝนตกสะสม เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้สามารถเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดสถานการณ์ภัยขึ้น
รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และประชาสัมพันธ์ข้อมูลสถานการณ์และวิธีการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง
นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยงอย่างใกล้ชิด ประกอบกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.) มีประกาศฉบับที่ 16/2568 ลงวันที่ 13 สิงหาคม 2568 แจ้งว่า จากการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ และได้ประเมินวิเคราะห์สภาพอากาศและสถานการณ์น้ำพบว่ามีพื้นที่บางส่วนต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ เนื่องจากระบายไม่ทันและระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายน้ำ
พื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์ระหว่างวันที่ 15 – 17 สิงหาคม 2568
พื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินโคลนถล่ม
ภาคเหนือ จำนวน 10 จังหวัด ได้แก่
- จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อำเภอปาย และอำเภอสบเมย)
- จังหวัดเชียงใหม่ (อำเภอดอยสะเกิด แม่แตง เวียงแหง และอำเภออมก่อย)
- จังหวัดเชียงราย (อำเภอเมืองเชียงราย พาน แม่ฟ้าหลวง แม่ลาว แม่สรวย และอำเภอเวียงป่าเป้า)
- จังหวัดลำพูน (อำเภอเมืองลำพูน แม่ทา และอำเละอำเภอบ้านธิ)
- จังหวัดลำปาง (อำเภอเมืองลำปาง แม่ทะ ท้างฉัตร และอำเภอเมืองปาน)
- จังหวัดพะเยา (อำเภอเมืองพะเยา ปง และอำเภอเชียงคำ)
- จังหวัดน่าน (อำเภอเชียงกลาง ท่าวังผา นาน้อย บ่อเกลือ และอำเภอปัว)
- จังหวัดตาก (อำเภอท่าสองยาง แม่ระมาด แม่สอด และอำเภออุ้มผาง)
- จังหวัดพิษณุโลก (อำเภอเมืองพิษณุโลก ชาติตระการ นครไทย บางระกำ และอำเภอวังทอง)
- จังหวัดเพชรบูรณ์ (อำเภอหล่มเก่า)
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 6 จังหวัด ได้แก่
- จังหวัดเลย (อำเภอเมืองเลย เชียงคาน ด่านซ้าย และอำเภอปากชม)
- จังหวัดหนองคาย (อำเภอเมืองหนองคาย ท่าบ่อ และอำเภอสระใคร)
- จังหวัดบึงกาฬ (อำเภอโซ่พิสัย)
- จังหวัดอุดรธานี (อำเภอเมืองอุดรธานี กุดจับ น้ำโสม บ้านผือ และอำเภอเพ็ญ)
- จังหวัดสกลนคร (อำเภอวานรนิวาส)
- จังหวัดอุบลราชธานี (อำเภอโขงเจียม เดขอุดม ตระการพืชผล ตาลสุม นาจะหลวย น้ำยืน บุณทริก พิบูลมังสาหาร ศรีเมืองใหม่ และอำเภอสิรินธร)
ภาคกลาง จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่
- จังหวัดชลบุรี (อำเภอบางละมุง และอำเภอศรีราชา)
- จังหวัดระยอง (อำเภอเมืองระยอง บ้านค่าย ปลวกแดง และอำเภอนิคมพัฒนา)
- จังหวัดจันทบุรี (อำเภอเมืองจันทบุรี และอำเภอขลุง)
- จังหวัดตราด (อำเภอเมืองตราด เขาสมิง คลองใหญ่ บ่อไร่ และอำเภอแหลมงอบ)
ภาคใต้ จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่
- จังหวัดชุมพร (อำเภอเมืองชุมพร พะโต๊ะ และอำเภอหลังสวน)
- จังหวัดระนอง(อำเภอเมืองระนอง สุขสำราญ กะเปอร์ ละอุ่น และอำเภอกระบุรี)
- จังหวัดพังงา (อำเภอเมืองพังงา คุระบุรี ตะกัวป่า กะปง และอำเภอท้ายเหมือง)
- จังหวัดภูเก็ต (ทุกอำเภอ)
พื้นที่เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำ
พื้นที่เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุเก็บกัก บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก บึงกาฬ สกลนคร อุดรธานี นครพนม มุกดาหาร นครราชสีมา ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี ตราด สุราษฎร์ธานี และจังหวัดกระบี่ และขอให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำเขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ เขื่อนนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก ให้สอดคล้องกับสถานการณ์เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดผลกระทบน้อยที่สุด
พื้นที่เฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง
พื้นที่เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำน้ำสาขาของแม่น้ำอิง บริเวณอำเภอเชียงคำ เทิง พญาเม็งราย ขุนตาล และอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย และแม่น้ำยม บริเวณอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก
พื้นที่เฝ้าระวังกิจกรรมการใช้น้ำและการสัญจรทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา บริเวณ จังหวัดอ่างทอง และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เนื่องจากการปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้งจังหวัดและศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัยได้ โดยได้กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกหนักและพื้นที่ที่มีฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานาน
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากมีความเสี่ยงเกิดสถานการณ์ภัย ให้ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ให้เตรียมความพร้อมของเครื่องจักรกลสาธารณภัยและเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ให้พร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดสถานการณ์ขึ้น และให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ได้อย่างถูกต้องและปฏิบัติตนได้อย่างปลอดภัยเมื่อเกิดสถานการณ์ภัยขึ้น
สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ขอให้ติดตามสภาพอากาศ ข้อมูลสถานการณ์ และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้นโดยปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด โดยสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยรายพื้นที่ได้ที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android รวมถึงทางสื่อสังคมออนไลน์บัญชีทางการของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews ทั้งนี้ หากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป







