ไทยต้องใช้ 'ซอฟต์พาวเวอร์' กับประชาชนกัมพูชา

ไทยต้องใช้ 'ซอฟต์พาวเวอร์' กับประชาชนกัมพูชา

จับกระแส สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไทยต้องใช้ 'ซอฟต์พาวเวอร์' กับประชาชนกัมพูชา

KEY

POINTS

  • ความขัดแย้งชายแดนเป็นปัญหาระหว่างรัฐบาลที่ถูกปลุกปั่นโดยผู้นำกัมพูชา แต่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ไม่ได้เกลียดชังชาวกัมพูชา
  • การที่แรงงานกัมพูชาจำนวนมากยังคงเข้ามาทำงานในไทย สะท้อนให้เห็นว่าปัญหาเศรษฐกิจปากท้องสำคัญกว่าวาทกรรมทางการเมืองของผู้นำ
  • ความเป็นมิตรและเอื้ออาทรของคนไทย (สยามเมืองยิ้ม) คือซอฟต์พาวเวอร์ที่สามารถใช้สร้างความเข้าใจและเยียวยาบาดแผลจากความขัดแย้งกับประชาชนกัมพูชาได้โดยตรง

กรณีจับกระแส สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไทยต้องใช้ 'ซอฟต์พาวเวอร์' กับประชาชนกัมพูชา

ความขัดแย้งปัญหาชายแดน ในสถานการณ์ไทย-กัมพูชา เกิดการปะทะสู้รบทางทหาร ทำให้ทหารและประชาชนบาดเจ็บล้มตาย เป็นเหตุให้ผู้นำชาติมหาอำนาจอย่าง สหรัฐอเมริกา เข้ามาแทรกแซงโดยใช้กลไกอาเซียน ที่มี มาเลเซีย เป็นตัวกลางเปิดการเจรจาจนหยุดยิงดังที่ทราบกันแล้ว
    
ความเป็นจริงความขัดแย้งยังไม่คลี่คลาย แม้ว่าประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (Regional Border Committee : RBC) หรือ อาร์บีซี ระหว่าง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ไทย กับ ผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 4 กัมพูชา เพื่อกำหนดขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อนำไปสู่การหยุดยิงก็ตาม

ไทยต้องใช้ 'ซอฟต์พาวเวอร์' กับประชาชนกัมพูชา
     
ทว่า สงครามรอวันปะทุเกิดการสู้รบกันอีกครั้ง เพราะการครอบครองพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา หลังปะทะนั้น ไทยคุมพื้นที่เชิงยุทธศสตร์ ขณะกัมพูชายึดตัวปราสาทบางจุดในพื้นที่ทับซ้อน ท่ามกลางเสียงกับระเบิดสังหารทหารไทยยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง อาจนำไปสู่การใช้อาวุธปกป้องตนเอง ในขั้นยิงต่อสู้กัน ท่ามกลางกระแสชาตินิยมได้ถูกจุดติดขึ้นแล้ว

กลายเป็นไฟลุกโชนในความรู้สึกของประชาชนทั้งสองประเทศที่ยากจะดับลงโดยเร็ววัน และจะเป็นบาดแผลในใจผู้คนไปนานนับสิบปี

ซึ่งปัญหาระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล จากความขัดแย้งของผู้นำ (ตัวจริง) ของทั้งสองฝ่าย อันมีเบื้องหน้าและเบื้องหลังน่าติดตามแล้ว 
 

ยังมีปัญหาที่ซุกไว้ใต้พรม คือการรุกล้ำท้าท้ายอธิปไตยพื้นที่ชายแดนนับสิบปี เพื่อแลกกับความสงบและผลประโยชน์ของคนมีสีที่เคยมีอำนาจและเกษียณไปแล้ว นี่ก็เป็นเรื่องที่ทำให้ทหารรุ่นใหม่ต้องมาแก้ปัญหา และจัดระเบียบเสียใหม่ รบต่อสู้เสี่ยงชีวิตอยู่ในขณะนี้ คิดแล้วน่าปวดใจยิ่งนัก

ขณะเดียวกัน ปัญหาระดับประชาชนต่อประชาชนนั้น เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้รู้สึกเกลียดชาวกัมพูชา เพราะคนไทยได้รับข้อมูลข่าวสารที่เพียงพอว่า ต้นเหตุของการปลุกเร้าและปลูกฝังมาจาก “ฮุน เซน” และคนในตระกูลฮุนที่ครองอำนาจปกครองกัมพูชามามากกว่า 30 ปี

ไทยต้องใช้ 'ซอฟต์พาวเวอร์' กับประชาชนกัมพูชา

น่าคิดเหมือนกันว่า ประชากรเขมร ตอนนี้มีราว 16.7 ล้านคน แยกเป็นแรงงานที่เข้ามาทำงานในไทยเกือบล้านคน ซึ่งตอนนี้เดินทางกลับกัมพูชาประมาณ 5 แสนคน ตามคำขู่ของผู้มีอำนาจว่าถ้าไม่กลับจะยึดที่ดินและยกเลิกสัญชาติ ซึ่งล่าสุดในจำนวนคนขแมร์ที่กลับบ้านเกิดแล้วไม่มีงานไม่มีเงิน ต่างลักลอบเดินทางกลับมาทำงานในไทยอย่างต่อเนื่อง 

ย่อมสะท้อนให้เห็น วาทกรรมที่ผู้นำเขมรสร้างขึ้น ว่าคนขแมร์เสี่ยงตายถูกทำร้ายในแผ่นดินไทยเพราะเหตุสงครามนั้น อาจไม่น่ากลัวเท่า “อดตาย” หรือนอนรอความตาย จากการเชื่อคำหลอกลวงจากทั่นผู้นำสแกมโบเดีย

พูดก็พูดเถอะ แรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในไทย ไม่มากก็น้อยได้ซึบซับการเรียนรู้แบบไทย เนื่องจากแบบแผนการศึกษาของไทยในปัจจุบัน ไม่ได้สอนให้เรียนรู้ประวัติศาสตร์เพื่อจะเกลียดเพื่อนบ้านเหมือนบางประเทศ เราเรียนรู้ให้เห็นคุณค่าตัวเอง ความรัก ความสามัคคีและจิตใจเอื้ออารีให้เป็นพื้นฐานการใช้ชีวิต แต่ถึงกระนั้นทุกสังคมก็มีทั้งคนดีและคนเลว ขึ้นอยู่ว่าเราพบเจอและได้ร่วมงานกับคนแบบไหนด้วย

ไทยต้องใช้ 'ซอฟต์พาวเวอร์' กับประชาชนกัมพูชา

ที่กล่าวมาคือ จะบอกว่า คนไทยเข้าใจคนกัมพูชาเป็นอย่างดี และพร้อมดูแลแรงงานดีกว่า “ฮุน เซน” แน่นอน ตามนิยาม สยามเมืองยิ้ม คือซอฟต์พาวเวอร์ของไทย (Thai Soft Power) ที่ถูกปลูกฝังมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นผลดีในการเยียวยาบาดแผลจากสงคราม แต่ก็ไม่ได้ใจดีถ้าใครจะคิดเป็นศัตรูและรู้เท่าทันไส้ศึกด้วย

อย่างไรก็ตาม สงครามเมื่อเกิดขึ้นแล้ว หากผู้นำรู้ว่าแพ้แต่ไม่ถอยก็รอวันถูกจัดการ แล้วประชาชนที่ถูกปลดปล่อยจะร่วมกันชำระแค้นในที่สุด

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง :

บทความที่เกี่ยวข้องกับ Soft Power ทั้งหมด

บทความของ นิติราษฎร์ บุญโย ทั้งหมด