เช็กพิกัด 30 จังหวัด เสี่ยงน้ำท่วม-ดินโคลนถล่ม ช่วง 15-17 ส.ค. 68

สทนช. เตือน 30 จังหวัดทั่วประเทศ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก ระหว่างวันที่ 15 - 17 สิงหาคม 2568 พร้อมแนะให้เตรียมรับมือสถานการณ์อย่างเร่งด่วน
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่า จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ทั้งนี้ สทนช. ได้ประเมินวิเคราะห์สภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ และคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม ร่วมกับ กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรธรณี กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
พบว่า มีพื้นที่บางส่วนเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ เนื่องจากระบายไม่ทัน ในช่วงวันที่ 15 - 17 สิงหาคม 2568 ดังนี้
พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขัง ดังนี้
ภาคเหนือ 10 จังหวัด ได้แก่
- จังหวัดเชียงราย (อำเภอเมืองเชียงราย พาน แม่ฟ้าหลวง แม่ลาว แม่สรวย และเวียงป่าเป้า)
- จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อำเภอปาย และสบเมย)
- จังหวัดเชียงใหม่ (อำเภอดอยสะเก็ด แม่แตง เวียงแหง และอมก๋อย)
- จังหวัดลำพูน (อำเภอเมืองลำพูน แม่ทา และบ้านธิ)
- จังหวัดลำปาง (อำเภอเมืองลำปาง แม่ทะ ห้างฉัตร และเมืองปาน)
- จังหวัดพะเยา (อำเภอเมืองพะเยา ปง และเชียงคำ)
- จังหวัดน่าน (อำเภอเชียงกลาง ท่าวังผา นาน้อย บ่อเกลือ และปัว)
- จังหวัดตาก (อำเภอท่าสองยาง แม่ระมาด แม่สอด และอุ้มผาง)
- จังหวัดพิษณุโลก (อำเภอเมืองพิษณุโลก ชาติตระการ นครไทย บางระกำ และวังทอง)
- จังหวัดเพชรบูรณ์ (อำเภอหล่มเก่า)
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 6 จังหวัด ได้แก่
- จังหวัดเลย (อำเภอเมืองเลย เชียงคาน ด่านซ้าย และปากชม)
- จังหวัดหนองคาย (อำเภอเมืองหนองคาย ท่าบ่อ และสระใคร)
- จังหวัดบึงกาฬ (อำเภอโซ่พิสัย)
- จังหวัดอุดรธานี (อำเภอเมืองอุดรธานี กุดจับ น้ำโสม บ้านผือ และเพ็ญ)
- จังหวัดสกลนคร (อำเภอวานรนิวาส)
- จังหวัดอุบลราชธานี (อำเภอโขงเจียม เดชอุดม ตระการพืชผล ตาลสุม นาจะหลวย น้ำยืน บุณฑริก พิบูลมังสาหาร ศรีเมืองใหม่ และสิรินธร)
ภาคตะวันออก 4 จังหวัด ได้แก่
- จังหวัดชลบุรี (อำเภอบางละมุง และศรีราชา)
- จังหวัดระยอง (อำเภอเมืองระยอง บ้านค่าย ปลวกแดง และนิคมพัฒนา)
- จังหวัดจันทบุรี (อำเภอเมืองจันทบุรี และขลุง)
- จังหวัดตราด (อำเภอเมืองตราด เขาสมิง คลองใหญ่ บ่อไร่ และแหลมงอบ)
ภาคใต้ 4 จังหวัด
- จังหวัดชุมพร (อำเภอเมืองชุมพร พะโต๊ะ และหลังสวน)
- จังหวัดระนอง (อำเภอเมืองระนอง สุขสำราญ กะเปอร์ ละอุ่น และกระบุรี)
- จังหวัดพังงา (อำเภอเมืองพังงา คุระบุรี ตะกั่วป่า กะปง และท้ายเหมือง)
- จังหวัดภูเก็ต (อำเภอเมืองภูเก็ต กะทู้ และถลาง)
พื้นที่เสี่ยงจากอ่างเก็บน้ำ
เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุเก็บกักบริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก บึงกาฬ สกลนคร อุดรธานี นครพนม มุกดาหาร นครราชสีมา ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี ตราด สุราษฎร์ธานี และกระบี่ และขอให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำเขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ เขื่อนนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก ให้สอดคล้องเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดผลกระทบน้อยที่สุด
พื้นที่เสี่ยงน้ำล้นตลิ่ง
เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของแม่น้ำอิง บริเวณอำเภอเชียงคำ เทิง พญาเม็งราย ขุนตาล และเชียงของ จังหวัดเชียงราย และแม่น้ำยม บริเวณอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก
เฝ้าระวังกิจกรรมการใช้น้ำและการสัญจรทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา บริเวณ จังหวัดอ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา เนื่องจากการปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา
เตรียมพร้อมรับมือและป้องกัน
ในการนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโปรดดำเนินการ ดังนี้
1. ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า90 มิลลิเมตร ตลอด ๒๔ ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วม รวมถึงพื้นที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำเนื่องจากระบายไม่ทัน
2. ติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันบริเวณริมแม่น้ำ และเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ พร้อมวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม ปรับการบริหารจัดการน้ำในแหล่งเก็บกักน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก น้ำในลำน้ำ รวมถึงเขื่อนระบายน้ำและประตูระบายน้ำ ให้สอดคล้องกันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำและอิทธิพลของการขึ้น - ลงของน้ำทะเล โดยการเร่งระบายและพร่องน้ำรองรับสถานการณ์ฝนที่คาดว่าจะตกหนัก
3. เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ รวมถึงความพร้อมของระบบสื่อสาร เพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือได้ทันที
4. ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้า ให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการขนของขึ้นสู่ที่สูงหรืออพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์







