'ตัวเลขมหัศจรรย์' กับความท้าทายของสถานบันเทิงครบวงจรในเอเชีย

“ตัวเลขมหัศจรรย์” คือเป้าหมายรายได้ขั้นต่ำ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จและความอยู่รอดทางการเงินของสถานบันเทิงครบวงจร
KEY
POINTS
- "ตัวเลขมหัศจรรย์" คือเป้าหมายรายได้ขั้นต่ำ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จและความอยู่รอดของธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (Integrated Resort)
- การบรรลุเป้าหมายรายได้ดังกล่าวเป็นความท้าทายสูง เนื่องจากการลอกเลียนแบบโมเดลที่ประสบความสำเร็จอย่างมาเก๊าและสิงคโปร์ทำได้ยาก เพราะขาดปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญ เช่น การสนับสนุนจากรัฐบาลและระบบนิเวศทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง
- ประเทศที่ต้องการพัฒนาสถานบันเทิงครบวงจรให้ประสบความสำเร็จ ไม่สามารถลอกเลียนแบบเพียงอย่างเดียว แต่ต้องพิจารณาปัจจัยเฉพาะของตนเอง เช่น ทำเลที่ตั้ง กฎหมาย การวางแผนการลงทุน และการวิเคราะห์ตลาดอย่างรอบด้าน
อุตสาหกรรมเกมและการท่องเที่ยวเชิงบันเทิงสมัยใหม่ การเกิดขึ้นของ “รีสอร์ทแบบครบวงจร” หรือ Integrated Resort (IR) ได้กลายเป็นโมเดลธุรกิจที่หลายประเทศในเอเชียใฝ่ฝันจะพัฒนา เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้มหาศาลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่มาเก๊าและสิงคโปร์สร้างมาตรฐานและความสำเร็จจนกลายเป็นตัวอย่างที่ใครๆ ต่างก็อยากเลียนแบบ แต่แท้จริงแล้ว “ตัวเลขมหัศจรรย์” หรือ The Magic Number หรือรายได้ในระดับ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่เป็นตัวบ่งชี้ถึงความสำเร็จของรีสอร์ทเหล่านี้มีความซับซ้อน และไม่ใช่เรื่องง่ายที่ประเทศอื่นๆ จะทำตามได้
“ตัวเลขมหัศจรรย์” หมายถึงอะไร?
เดวิด บอนเน็ต (David Bonnet) สื่อผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมคาสิโนของ IAG ได้วิเคราะห์ถึงความท้าทายที่หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียต้องเผชิญในการจะพัฒนารีสอร์ทแบบครบวงจร (Integrated Resort-IR) ที่สามารถทำรายได้ถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเน้นย้ำถึงปัจจัยสำคัญที่จำเป็นต้องมีเพื่อให้ประสบความสำเร็จ โดยยกตัวอย่างจาก IR ที่ประสบความสำเร็จ โดยจำแนกเป็นข้อๆ ดังต่อไปนี้
ความท้าทายในการจำลองโมเดลของมาเก๊าและสิงคโปร์
หลายประเทศพยายามที่พยายามจะจำลองโมเดลของมาเก๊าและสิงคโปร์ โดยมองว่าเป็นวิธีที่สามารถสร้างรายได้มหาศาลได้ แต่ในความเป็นจริง การจำลองนี้มักประสบปัญหา เนื่องจากขาดปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญ เช่น ระบบนิเวศทางการเงินที่แข็งแกร่ง และการสนับสนุนจากรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ
เดวิด ชี้ให้เห็นว่าเพื่อให้รีสอร์ทแบบครบวงจรในระดับโลกประสบความสำเร็จในแง่รายได้ ต้องมี “ตัวเลขมหัศจรรย์” คือรายได้ต่อปีขั้นต่ำ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท) ขึ้นไป ซึ่งเป็นระดับที่ช่วยให้รีสอร์ทสามารถครอบคลุมต้นทุนก่อสร้าง การดำเนินงาน รวมทั้งคืนทุนแก่นักลงทุนได้อย่างคุ้มค่า
ตัวเลขนี้ถือเป็น “เป้าหมายสำคัญ” ที่หลายประเทศที่อยากพัฒนาธุรกิจเกมและรีสอร์ทครบวงจรต้องการให้บรรลุ เพราะถ้าไม่ถึงจุดนี้ รีสอร์ทจะประสบปัญหาทางการเงินและไม่สามารถแข่งขันได้ในระยะยาว
เหตุผลที่การสร้างรายได้ 1 พันล้านดอลลาร์เป็นเรื่องยาก
การสร้างรีสอร์ทครบวงจรต้องลงทุนจำนวนมากในหลายด้าน ทั้งโรงแรม , คาสิโน , ร้านอาหาร , แหล่งบันเทิง และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เพื่อให้สามารถดึงดูดลูกค้าในกลุ่มเป้าหมายได้อย่างต่อเนื่อง รายจ่ายหลักๆ คือการก่อสร้างห้องพักซึ่งมีต้นทุนสูงถึง 2-3 ล้านดอลลาร์ต่อห้อง และการบริหารจัดการที่มีความซับซ้อนสูง การบริหารต้นทุนเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นกุญแจสำคัญ
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยด้านทำเลที่ตั้ง , กฎหมาย , ภาวะตลาด และการแข่งขันระดับโลกที่ต้องนำมาพิจารณา ประเทศที่ไม่มีเงื่อนไขครบถ้วนแบบเดียวกับมาเก๊าหรือสิงคโปร์ อาจพบว่าโมเดลธุรกิจนี้ไม่เหมาะสมกับบริบทของตนเอง และเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินลงทุนมหาศาล
“มาเก๊า” ตัวอย่างความสำเร็จที่แข็งแกร่ง แต่มีข้อจำกัด
มาเก๊าเป็นรีสอร์ทครบวงจรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก โดยสามารถทำรายได้ในอุตสาหกรรมเกมสูงกว่าที่อื่นๆ เพราะมีข้อได้เปรียบเรื่องสถานะทางกฎหมายที่เปิดเสรี และมีนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลจากจีนแผ่นดินใหญ่มาเยือน อย่างไรก็ตาม การที่มาเก๊าจะขยายธุรกิจออกไปได้ในระดับเดียวกับเดิมนั้น เป็นเรื่องที่ยากขึ้น เนื่องจากการแข่งขันที่สูงและการเปลี่ยนแปลงของตลาด
ในปี 2556 มาเก๊าสร้างรายได้รวมจากการเล่นเกม (GGR) สูงถึง 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในจำนวนนี้ ประมาณสองในสามมาจากการเล่นแบบ VIP ซึ่งคำนวณจากอัตราการชนะทางคณิตศาสตร์ที่ประมาณ 3% คิดเป็นมูลค่าการเดิมพันสมมติกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
“สิงคโปร์” โมเดลการวางแผนที่รอบคอบ
สิงคโปร์เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของรีสอร์ทครบวงจรที่ประสบความสำเร็จด้วยการวางแผนอย่างรอบคอบและการควบคุมคุณภาพมาตรฐานสูง อย่างเช่น Marina Bay Sands ที่สร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวและเกมในระดับพรีเมียม แต่การจะทำซ้ำโมเดลนี้ในประเทศอื่นๆ ที่ขาดโครงสร้างพื้นฐานและการสนับสนุนของรัฐที่แข็งแรง อาจไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
สิงคโปร์ดำเนินกิจการแบบผสมผสานที่เน้นความมีชื่อเสียง โดยเกมจะถูกรวมเข้ากับระบบนิเวศที่กว้างขึ้นของผลิตภัณฑ์หรูมากมาย ท่ามกลางเศรษฐกิจการเงินที่ขึ้นชื่อเรื่องความมั่งคั่งส่วนบุคคล องค์ประกอบที่ไม่ใช่เกมหรือคาสิโนทำหน้าที่เป็นตัวกำหนดราคา เช่น ห้องพักโรงแรมระดับพรีเมียม โดยมีการเปรียบเทียบที่สอดคล้องกับการใช้จ่ายด้านเกมที่ตรวจสอบแล้ว การสร้างแบรนด์ระดับประเทศ และการวางตำแหน่งระดับโลก ซึ่งได้รับการส่งเสริมจากกิจกรรมต่างๆ เช่น การแข่งขัน Formula 1 Grand Prix ตอกย้ำภาพลักษณ์ของความพิเศษเฉพาะและอำนาจในการกำหนดราคา
ลาสเวกัส
ลาสเวกัสเป็นตัวอย่างของตลาดที่มีลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำจำนวนมาก รูปแบบนี้ได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายต่อหัวที่สูงและอัตราการเข้าพักที่แข็งแกร่ง ประกอบกับแหล่งรายได้ที่หลากหลาย ได้แก่ ธุรกิจเกม โรงแรม อาหารและเครื่องดื่ม ความบันเทิง ค้าปลีก และงานประชุมขนาดใหญ่
มาเลเซีย
แม้ว่าเก็นติ้งไฮแลนด์จะมีรายได้มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่เราขอไม่รวมไว้ในการวิเคราะห์นี้ เนื่องจากความโดดเด่นของธุรกิจและทำเลที่ตั้งที่เกี่ยวข้อง โดยมีห้องพักมากกว่า 10,000 ห้องตั้งอยู่บนยอดเขาสูง
อย่างที่เราเห็นกันไปแล้ว อาจกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องยากมากที่อสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคจะเลียนแบบขนาดและเศรษฐกิจของมาเก๊า หรือแม้แต่สิงคโปร์ได้ ปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้ตลาดเหล่านี้ประสบความสำเร็จนั้นไม่ง่ายนัก และต้องใช้เงินลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์
ข้อคิดสำหรับประเทศอื่นๆ ที่ต้องการพัฒนา IR
เดวิด เน้นย้ำว่า ประเทศอื่นๆ ที่หวังจะสร้างรีสอร์ทครบวงจรให้ประสบความสำเร็จ จะต้องไม่มองเพียงแค่การเลียนแบบโมเดลของมาเก๊าหรือสิงคโปร์เท่านั้น แต่ต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายอย่าง เช่น
- ความเหมาะสมของทำเลที่ตั้งและโครงสร้างพื้นฐาน
- การสนับสนุนจากภาครัฐในด้านกฎหมายและนโยบาย
- การวางแผนการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
- การวิเคราะห์ตลาดเป้าหมายและการแข่งขันอย่างรอบด้าน
- การบริหารจัดการความเสี่ยงและการปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลก
การจะสร้างตัวเลขมหัศจรรย์ หรือการสร้างรายได้ระดับ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในธุรกิจคาสิโนและรีสอร์ทจำเป็นต้องอาศัยการบูรณาการอย่างเต็มรูปแบบของอุตสาหกรรมและบริการเสริมต่างๆ เพื่อสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งและมีมวลวิกฤต (critical mass) ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดใจและประสิทธิภาพของตลาด เช่นเดียวกับกรณีมาเก๊าและสิงคโปร์ที่มีการจัดตั้งตลาดและระบบธุรกิจที่เข้มแข็ง
อ้างอิง : IAG / asgam.com







