ไม่ใช่แค่เรียนเก่ง! กรมสุขภาพจิต ชี้ EQ สำคัญ สอนลูกจัดการอารมณ์

จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในโรงเรียน กรมสุขภาพจิตออกมาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้าง ทักษะการควบคุมอารมณ์ ในเด็ก โดยชี้ว่าพ่อแม่และผู้ปกครองมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการปลูกฝังสิ่งนี้เพื่อป้องกันปัญหาพฤติกรรมรุนแรงในระยะยาว

นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า การเติบโตของเด็กไม่ได้ขึ้นอยู่กับความรู้ทางวิชาการเพียงอย่างเดียว แต่ต้องพัฒนา ทักษะชีวิต ที่ครอบคลุม ทั้งทักษะทางสังคม การปรับตัว และการอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทักษะการควบคุมอารมณ์เมื่อเผชิญกับปัญหาและความผิดหวัง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่กำหนดพฤติกรรมและการปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างในอนาคต
 

พ่อแม่สามารถเริ่มต้นจากการเป็นแบบอย่างที่ดีในการจัดการอารมณ์ และช่วยให้ลูกเข้าใจว่าความผิดหวังเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องเจอ โดยอาจเล่าเรื่องของบุคคลที่ประสบความสำเร็จแต่ก็เคยผ่านความผิดหวังมาก่อน เพื่อให้ลูกเห็นว่าทุกคนมีวิธีจัดการกับความรู้สึกเหล่านั้นได้อย่างไร นอกจากนี้ ควรฝึกให้เด็กสามารถ รับรู้และบอกชื่อความรู้สึกของตัวเอง ได้อย่างถูกต้อง ทั้งในด้านบวกและด้านลบ ซึ่งจะช่วยให้เด็กเข้าใจตัวเองมากขึ้นและจัดการอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม

สอนลูกให้รู้จัก “พัก” และสร้างความยืดหยุ่นทางใจเพื่อรับมือกับปัญหา

นายแพทย์จุมภฏ พรมสีดา รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวเสริมว่า พ่อแม่ควรสอนให้ลูกรู้จัก พัก หรือ ถอยออกจากสถานการณ์ ที่ก่อให้เกิดอารมณ์เชิงลบ โดยการหันไปทำกิจกรรมที่ชอบเพื่อผ่อนคลายความเครียด เช่น การเล่นกีฬา หรืองานอดิเรกต่าง ๆ

นอกจากนี้ การสร้าง ความยืดหยุ่นทางใจ (Resilience) ก็เป็นสิ่งจำเป็น โดยให้เด็กได้เผชิญกับความท้าทายที่เหมาะสมตามวัย เช่น การแข่งขันกีฬาเล็ก ๆ หรือการทำการบ้านที่ยากขึ้น พร้อมทั้งให้กำลังใจใน กระบวนการความพยายาม มากกว่าผลลัพธ์ เพื่อสร้างแรงจูงใจและความมั่นใจในการเผชิญหน้ากับปัญหาในอนาคต

สำหรับพ่อแม่และผู้ปกครองที่ต้องการความช่วยเหลือ กรมสุขภาพจิตมีโปรแกรมสนับสนุนอย่าง Thai Triple-P หรือ “เลี้ยงเก่ง ลูกเก่ง” ที่เน้นการส่งเสริมพัฒนาการและความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ในเด็กปฐมวัย และสำหรับในสถานศึกษา มีระบบ School Health HERO ที่ช่วยให้ครูสามารถคัดกรองและประเมินความเสี่ยงของนักเรียนได้อย่างทันท่วงที เพื่อนำไปสู่การช่วยเหลือที่เหมาะสมต่อไป

สังคมไม่ควรซ้ำเติม : หยุดแชร์ภาพและวิดีโอเหตุการณ์ความรุนแรง

ทั้งนี้ อธิบดีกรมสุขภาพจิตยังได้เน้นย้ำข้อความสำคัญถึงสังคมโดยรวมว่า ไม่ควรแชร์รูปภาพหรือวิดีโอเหตุการณ์ความรุนแรง ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย เพราะเป็นการตอกย้ำความเสียใจและสร้างบาดแผลซ้ำเติมให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงครอบครัวและสังคมให้เจ็บปวดนานยิ่งขึ้นอีกด้วย