จับตา 'ยม-น่าน' สทนช. ระดมรับมือฝนตกหนัก พร้อมเปิดโมเดลหน่วงน้ำ

สทนช. ประชุมด่วนรับมือสถานการณ์ฝนตกหนัก ช่วงกลางเดือน ส.ค. พื้นที่ลุ่มน้ำยม-น่าน พร้อมเร่งระบายน้ำจากเขื่อน และเตรียมใช้ "บางระกำโมเดล" หน่วงน้ำกว่า 400 ล้าน ลบ.ม.
วันนี้ (10 ส.ค. 68) ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้เป็นประธานการประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำยม-น่าน ครั้งที่ 2/2568 ณ ศาลากลางจังหวัดน่าน เพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์ฝนตกหนักที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจังหวัดต่างๆ ในพื้นที่เข้าร่วมการประชุม
การประชุมครั้งนี้เป็นไปตามข้อสั่งการของนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่แสดงความห่วงใยสถานการณ์ร่องมรสุมที่จะพาดผ่านภาคเหนือและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่กำลังแรงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้มีฝนตกหนักเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงราย น่าน และพะเยา ที่คาดว่าจะมีฝนตกครอบคลุม 60% ของพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม และจะเพิ่มความรุนแรงขึ้นตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคมเป็นต้นไป โดยจะครอบคลุมถึง 80% ของพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มได้
หลังจากการประชุม ดร.สุรสีห์และคณะได้ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการเตรียมความพร้อมในจุดเสี่ยงต่างๆ เช่น ชุมชนบ้านหัวเวียง อบต.ฝายแก้ว และพื้นที่ลุ่มต่ำตำบลกลางเวียง โดยเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานเร่งสำรวจอุปกรณ์และเครื่องมือ รวมถึงเสริมความมั่นคงของแนวคันกั้นน้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่สำคัญอย่างโรงพยาบาล เพื่อรับมือกับสถานการณ์น้ำที่อาจจะเกิดขึ้น
ในส่วนของการดำเนินการที่ผ่านมา สทนช. ได้ร่วมกับกรมชลประทาน (ชป.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ปรับแผนการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เพื่อเพิ่มพื้นที่รองรับน้ำฝนที่กำลังจะมาถึง โดยปัจจุบันเขื่อนสิริกิติ์ระบายน้ำอยู่ที่ 55 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อพื้นที่เกษตรบางส่วนในจังหวัดอุตรดิตถ์ จึงได้สั่งการให้มีการสำรวจความเสียหายเพื่อพิจารณาการลดอัตราการระบายน้ำและวางแผนเยียวยาต่อไป นอกจากนี้ กรมชลประทานยังได้เสริมคันกันน้ำชั่วคราวและติดตั้งเครื่องสูบน้ำในจุดเสี่ยงที่น้ำท่วมแล้ว ส่วนโครงการ "บางระกำโมเดล" ขณะนี้เก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้ว 76% และคาดว่าจะแล้วเสร็จในวันที่ 15 สิงหาคม เพื่อใช้เป็นพื้นที่หน่วงน้ำได้อีก 400 ล้านลูกบาศก์เมตร
สำหรับการรับมือระยะยาว ที่ประชุมได้หารือถึงแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการแจ้งเตือนให้แม่นยำยิ่งขึ้น โดย สทนช. จะร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำข้อมูลคาดการณ์ปริมาณฝนและน้ำท่าเพื่อแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงอย่างทันท่วงที นอกจากนี้ยังได้มีการพูดคุยถึงแผนการพัฒนาโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำกอนและน้ำรี ซึ่งเป็นโครงการตามแนวพระราชดำริฯ ที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพการกักเก็บน้ำของจังหวัดน่านในระยะยาว โดยคาดว่าจะสามารถเพิ่มความจุน้ำได้ถึง 123.43 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่ง สทนช. จะเสนอให้ กนช. พิจารณาเร่งรัดแผนการดำเนินงานให้เร็วขึ้นต่อไป







