ฝนถล่มเหนือ! เร่งสกัดน้ำหลาก 'เขื่อนภูมิพล' พร้อมรับมือตามแผน

"ประเสริฐ จันทรรวงทอง" ยืนยันหลังฝนตกหนักในภาคเหนือ มีการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ พร้อมสั่งติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด มั่นใจเขื่อนภูมิพลรองรับน้ำได้ตามแผน
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความห่วงใยสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือ หลังจากได้รับรายงานว่าตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน และกระทบต่อการจราจรในบางส่วน
สำหรับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากปริมาณฝนที่ตกลงมาจำนวนมาก ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน บริเวณอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน (ปริมาณฝน 135 มม.) และอำเภอปางมะผ้า (98 มม.) รวมถึง จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณอำเภอแม่อาย (123 มม.) อำเภอฝาง (66 มม.) และอำเภอเชียงดาว (76 มม.) โดยน้ำป่าได้ไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ตำบลห้วยผาและตำบลปางหมู อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และพื้นที่ในอำเภอแม่อาย อำเภอฝาง และอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
สั่งการด่วนให้หน่วยงานเข้าช่วยเหลือและระบายน้ำ
นายประเสริฐ กล่าวว่า ได้สั่งการให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งดำเนินการระบายน้ำที่ท่วมขังให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร่งด่วน
ประเมินเส้นทางน้ำ ไม่กระทบตัวเมืองใหญ่
นอกจากนี้ ยังมีการประเมินทิศทางการไหลของมวลน้ำที่มาจากพื้นที่น้ำท่วม โดยระบุว่า
- มวลน้ำจากแม่ฮ่องสอน จะไหลลงสู่แม่น้ำสาละวิน
- มวลน้ำจากเชียงใหม่ (อ.แม่อาย และ อ.ฝาง) จะไหลผ่านจังหวัดเชียงรายลงสู่แม่น้ำกก โดยคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อตัวเมืองเชียงราย ก่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำโขง
- มวลน้ำจากเชียงใหม่ (อ.เชียงดาว) จะไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ลงสู่แม่น้ำปิง โดยไม่กระทบต่อตัวเมืองเชียงใหม่ ก่อนจะไหลเข้าสู่เขื่อนภูมิพลต่อไป
เขื่อนภูมิพลรองรับน้ำได้อีกมาก ยืนยันบริหารจัดการตามแผน
นายประเสริฐ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำในเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก ว่า ปัจจุบันมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 8,642 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 64% ของความจุ โดยยังสามารถรองรับน้ำได้อีกถึง 4,820 ล้าน ลบ.ม.
ขณะนี้ได้มีการควบคุมการระบายน้ำอยู่ที่วันละประมาณ 5 ล้าน ลบ.ม. พร้อมทั้งได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและประเมินสถานการณ์ของเขื่อนอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำให้ สทนช. กำกับดูแลการดำเนินงานตาม มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2568 อย่างเคร่งครัด เพื่อบริหารจัดการเขื่อนขนาดใหญ่ทั่วประเทศให้เป็นไปตามแผนและลดความเสี่ยงจากอุทกภัยให้ได้มากที่สุด







