เด็กกรุงเทพฯ เครียดพุ่ง 30% เดินหน้าขยาย Telemedicine ทั่วกรุงฯ

นักเรียนกรุงเทพฯ วัย 12-18 ปี เครียดพุ่งสูงถึง 30% รองผู้ว่าฯ ทวิดา เร่งยกระดับการดูแลสุขภาพจิต ดันระบบธรรมชาติและเตรียมขยาย Telemedicine ให้เข้าถึงได้ทั่วถึง
วันนี้ (5 ส.ค. 68) รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เข้าร่วมเสวนาในหัวข้อ "Special Seminar the Keyword : ไขคำสำคัญ สู่ชุมชมชนสุขภาพจิตดีที่ยั่งยืน" ซึ่งจัดโดยกรมสุขภาพจิต เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับการสร้างระบบดูแลสุขภาพจิตที่เข้มแข็งและยั่งยืน โดยงานจัดขึ้นที่โรงแรมปริ๊นซ์พาเลซ กรุงเทพฯ
รองผู้ว่าฯ ทวิดา ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของระบบสุขภาพที่เป็นธรรมชาติและใกล้ตัวที่สุด โดยระบุว่าการดูแลสุขภาพจิตควรเริ่มต้นจากคนรอบข้าง เช่น ครอบครัว เพื่อน หรือครูในโรงเรียน ซึ่งเป็นระบบที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุด และเป็นด่านแรกของการช่วยเหลือ
จากข้อมูลที่น่าสนใจ รองผู้ว่าฯ ทวิดา เผยว่าจากการสำรวจพบคนกรุงเทพฯ มีความเครียดสูงถึง 11.3% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ และที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่าคือ ผลสำรวจล่าสุดในกลุ่มนักเรียนอายุ 12-18 ปี พบว่ามีภาวะเครียดสูงถึง 30% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการขยายการทำงานร่วมกับศูนย์บริการสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดูแลสุขภาพจิตเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น
นอกจากนี้ รองผู้ว่าฯ ทวิดา ยังกล่าวถึงการทำงานที่ต้องหลุดจากกรอบเดิมๆ และเปิดรับระบบใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำระบบ Hybrid มาใช้กับการดูแลสุขภาพจิต เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพสังคมและบริบทของกรุงเทพมหานครที่แตกต่างจากพื้นที่อื่น พร้อมทั้งย้ำว่าการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ จะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด
สำหรับการจัดงานสัมมนาในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ "ร่วมสร้างพลังใจ สุขภาพจิตไทยยั่งยืน" (Better Mental Health Care for all) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีให้เครือข่ายภาคีต่างๆ ได้นำเสนอผลงานและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการดูแลสุขภาพจิตในชุมชน โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาจากหลากหลายภาคส่วนกว่า 600 คน และมีการนำเสนอผลงานเด่นถึง 107 โครงการ ครอบคลุม 8 ประเด็นหลัก เช่น พลังชุมชนดูแลสุขภาพจิตและสารเสพติด การดูแลสุขภาพจิตในสถานประกอบการ และมหาวิทยาลัยกับการดูแลใจนักศึกษา เป็นต้น







