7 แบงก์รัฐ ปล่อยสินเชื่อฉุกเฉิน-ดอกต่ำ ช่วยผู้ประสบภัยชายแดน

รัฐบาล เร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา สั่ง 7 แบงก์รัฐ เดินหน้าออกมาตรการสินเชื่อฉุกเฉิน ดอกเบี้ยต่ำ พร้อมพักชำระหนี้
วันนี้ (31 ก.ค. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า รัฐบาลได้เร่งออกมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์แก่ประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมอบหมายให้ 7 สถาบันการเงินหลักของรัฐ เร่งดำเนินการช่วยเหลือผ่านมาตรการทางการเงินที่หลากหลาย
มาตรการช่วยเหลือจาก 7 สถาบันการเงิน
สถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการนี้ ได้แก่ ธนาคารออมสิน, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), ธนาคารอาคารสงเคราะห์, ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.), ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.), ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) โดยมีมาตรการสำคัญ ดังนี้
1. สินเชื่อฉุกเฉิน : เพื่อเสริมสภาพคล่องในด้านค่าใช้จ่ายทั่วไป โดย ธ.ก.ส. มีโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ปี 2568 สำหรับเกษตรกร เพื่อครอบคลุมค่าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น
2. สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ : เช่น สินเชื่อจากธนาคารออมสิน วงเงิน 20,000 บาทต่อราย โดยไม่ต้องมีหลักประกัน เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องในการดำรงชีพหรือประกอบอาชีพในช่วงที่ได้รับผลกระทบ
3. สินเชื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัย : ธ.ก.ส. ให้วงเงินไม่เกิน 500,000 บาทต่อราย สำหรับค่าซ่อมแซมบ้านเรือน ทรัพย์สิน รวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์การเกษตรที่เสียหาย ด้วยอัตราดอกเบี้ย MRR – 2 ต่อปี และระยะเวลากู้สูงสุด 15 ปี
4. สินเชื่อเพื่อการฟื้นฟู : สำหรับผู้ประกอบการเพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน เช่น ธสน., ธพว., และธนาคารออมสิน
5. มาตรการพักชำระหนี้ : ธนาคารออมสินมีมาตรการพักชำระเงินต้นสำหรับผู้ได้รับผลกระทบ ขณะที่ ธพว. มีมาตรการพักชำระเงินต้น ลดค่างวด และขยายระยะเวลาชำระหนี้
มาตรการเชิงรุกจากกระทรวงพาณิชย์
นอกจากนี้ นายจิรายุยังกล่าวเสริมว่า กระทรวงพาณิชย์ได้จัดทำมาตรการเชิงรุกทั้งในระยะเร่งด่วนและต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ 3 กลุ่มหลักในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ได้แก่ เกษตรกร/ผู้ประกอบการผลไม้และผัก, ผู้ค้ารายย่อยและชาวบ้าน และ ผู้ส่งออก-นำเข้า/ผู้ประกอบการในกัมพูชา
- มาตรการเร่งด่วนระยะสั้น : เน้นการเชื่อมโยงและระบายสินค้า โดยเฉพาะผลผลิตทางการเกษตร รวมถึงการกระจายสินค้าจากห้องเย็น การสำรวจสินค้าตกค้าง และการเปิดจุดจำหน่ายสินค้า ซึ่งดำเนินการไปแล้ว 33 ครั้ง มีผู้ประกอบการเข้าร่วมกว่า 1,200 ราย
- มาตรการต่อเนื่อง : ประกอบด้วยการจัดงาน Thai Fruits Festival 2025 ร่วมกับ 4 ปั๊มน้ำมันรายใหญ่ (PT, PTT, บางจาก, ซัสโก้) การอบรมการค้าออนไลน์ การค้นหาเส้นทางการขนส่งใหม่ผ่าน สปป.ลาวและเวียดนาม รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าในอาเซียน 15 กิจกรรม
รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผลกระทบที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ประชาชนและผู้ประกอบการสามารถกลับมาดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพได้ตามปกติ







