รับมือฝนระลอกใหม่ ปลาย ส.ค. นี้ สทนช. สั่งเร่งแผนรับมือน้ำท่วม

รับมือฝนระลอกใหม่ ปลาย ส.ค. นี้ สทนช. สั่งเร่งแผนรับมือน้ำท่วม

สทนช. สั่งการเร่งด่วน! เตรียมรับมือฝนระลอกใหม่ปลายสิงหาคมนี้ เน้นย้ำจังหวัดเสี่ยงลุ่มน้ำยม-น่าน บูรณาการแผนบริหารจัดการน้ำอย่างเข้มข้น เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน

วันนี้ (31 ก.ค. 68) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) พร้อมด้วย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ลงพื้นที่ตรวจราชการและติดตามสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดสุโขทัย เพื่อบูรณาการการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำยม-น่าน และเตรียมรับมือกับสถานการณ์ฝนตกหนักในช่วงกลางถึงปลายฤดูฝนที่คาดว่าจะเกิดขึ้น

รองนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่สุโขทัย กำชับทุกหน่วยเร่งจัดการน้ำ เตรียมรับมือฤดูฝนกลางถึงปลายฤดู

ในการประชุมที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ได้รับฟังรายงานสรุปสถานการณ์อุทกภัยและการแก้ไขปัญหาจากตัวแทนจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ อาทิ นครสวรรค์ น่าน พะเยา พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ ลำปาง สุโขทัย และอุตรดิตถ์ โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย นางสาวสรินรัตน์ เกิดสกุลรุ่งโรจน์ และนายสมรักษ์ ยกน้อยวงษ์ ได้กล่าวต้อนรับและรายงานสถานการณ์

รองนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากพายุ “วิภา” และร่องมรสุม ส่งผลให้เกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำยม-น่าน ซึ่งไม่มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่รองรับ ทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดน้ำท่วมขัง และเน้นย้ำว่าฤดูฝนยังอยู่ในช่วงกลางฤดู จึงจำเป็นที่ทุกหน่วยงานต้องเตรียมการรับมือสถานการณ์ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น

มอบนโยบายเร่งด่วน 7 ข้อ รับมือสถานการณ์น้ำท่วม

จากการประเมินสถานการณ์และรับฟังข้อเสนอแนะจากหน่วยงานและประชาชน รองนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายภารกิจเร่งด่วน 7 ข้อ ให้ทุกหน่วยงานบูรณาการการทำงานร่วมกัน เพื่อลดความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน ดังนี้:

1. สทนช. กรมชลประทาน (ชป.) และ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมกันบริหารจัดการการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนผ่านกลไกศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำยม-น่าน ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ลดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำ และคงปริมาณน้ำสำรองให้เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคและภาคการเกษตรในฤดูแล้ง

2. กรมชลประทาน (ชป.) เร่งระบายน้ำเพื่อลดระดับน้ำจากแม่น้ำยมสู่แม่น้ำน่าน เสริมคันป้องกันน้ำชั่วคราวในจุดเปราะบาง และติดตั้งเครื่องสูบน้ำในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่ง พร้อมทั้งบูรณาการกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และกรมทรัพยากรน้ำ ในการจัดสรรเครื่องสูบน้ำให้เพียงพอ

3. กรมชลประทาน (ชป.) ร่วมกับ จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดพิษณุโลก และจังหวัดสุโขทัย เตรียมความพร้อมการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่บางระกำโมเดล สำหรับใช้รับน้ำหลากในช่วงกลางเดือนสิงหาคมถึงปลายเดือนตุลาคม 2568

4. จังหวัดต่างๆ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนในพื้นที่ทราบอย่างต่อเนื่อง

5. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ร่วมกับ จังหวัดในพื้นที่ลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่าน จัดทำแผนเผชิญเหตุ เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องมือ และระบบการช่วยเหลือฉุกเฉิน ให้สามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที

6. กรณีต้องมีการอพยพ ให้จัดเตรียมศูนย์พักพิงชั่วคราว พร้อมสาธารณูปโภค อาหาร และหน่วยแพทย์ เพื่อดูแลผู้ประสบภัย

7. การแจ้งเตือนภัย ให้จังหวัดในพื้นที่ลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่าน ร่วมกับกรมประชาสัมพันธ์ และ ปภ. ใช้ระบบการแจ้งเตือนภัยผ่านระบบ Cell Broadcast (CB) ควบคู่กับช่องทางอื่นๆ ทุกช่องทาง เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และทันต่อสถานการณ์

ติดตามสถานการณ์และมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัย

หลังจากการประชุม รองนายกรัฐมนตรีและคณะได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์และเยี่ยมเยียนประชาชนที่ศาลเจ้าปุงเถ่ากุง-ม่า ตำบลปากแคว และบริเวณคลองตาเป้า หมู่ 3 ตำบลบ้านนา อำเภอศรีสำโรง พร้อมมอบถุงยังชีพและให้กำลังใจแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย นอกจากนี้ คณะยังได้เดินทางไปติดตามการบริหารจัดการน้ำที่ประตูระบายน้ำบ้านหาดสะพานจันทร์ และประตูระบายน้ำคลองหกบาท อำเภอสวรรคโลก โดยได้รับฟังแผนการระบายน้ำและการผันน้ำระหว่างลุ่มน้ำ และเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำตาม 9 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2568 อย่างมีประสิทธิภาพ

สถานการณ์น้ำโดยรวมยังรองรับได้ เตรียมพร้อมรับมือฝนปลายฤดู

ด้าน ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่านว่า ปริมาตรน้ำในลุ่มน้ำยมคิดเป็น 60% ของความจุเก็บกัก และลุ่มน้ำน่านคิดเป็น 72% ของความจุเก็บกัก ซึ่งโดยภาพรวมยังคงมีพื้นที่รองรับปริมาณฝนที่จะตกลงมาได้อีก

จังหวัดน่านได้รับผลกระทบจากฝนตกสะสมสูงสุด โดยมวลน้ำมีแนวโน้มไหลลงสู่เขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งเป็นเขื่อนหลักในการรองรับน้ำของลุ่มน้ำน่าน และคาดว่าสถานการณ์ในจังหวัดน่านจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ภายในสัปดาห์หน้า หากไม่มีฝนตกซ้ำในปริมาณมาก

สำหรับลุ่มน้ำยม จังหวัดแพร่และสุโขทัยได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากมวลน้ำตอนบน แม้สถานการณ์โดยรวมจะเริ่มคลี่คลายและระดับน้ำในแม่น้ำยมลดลง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในบางพื้นที่ลุ่มต่ำและพื้นที่เกษตรกรรม อย่างไรก็ตาม จังหวัดสุโขทัยยังมีแนวโน้มระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นในบางจุด จึงมีการควบคุมมวลน้ำจากภาคเหนือลงสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยขณะนี้อยู่ในช่วงปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ และควบคุมระดับน้ำเหนือเขื่อนนเรศวร เพื่อเร่งระบายน้ำจากแม่น้ำยมเข้าสู่แม่น้ำน่าน ควบคุมระดับน้ำไม่ให้ล้นตลิ่งในตัวเมืองสุโขทัย เสริมแนวป้องกันน้ำในเขตเศรษฐกิจและพื้นที่เสี่ยงซ้ำซาก และเปิดบานประตูระบายน้ำทุกจุดเต็มศักยภาพ

นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมพื้นที่รองรับน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำบางระกำโมเดล ที่สามารถหน่วงน้ำได้ถึง 400 ล้านลูกบาศก์เมตร หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวแล้วเสร็จภายในกลางเดือนสิงหาคม เพื่อเตรียมรองรับปริมาณฝนหรือพายุที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอีกในช่วงปลายฤดูฝน

รัฐบาลได้ให้ความมั่นใจแก่ประชาชนถึงความตั้งใจและความห่วงใยในการป้องกันและลดผลกระทบจากอุทกภัยอย่างเต็มที่ และมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับทุกหน่วยงานเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย