ลวงแพคสินค้าสู่หลอกลงทุน 7.6 แสน อายัดเงิน 1.2 แสน คืนผู้เสียหาย

ลวงแพคสินค้าสู่หลอกลงทุน 7.6 แสน อายัดเงิน 1.2 แสน คืนผู้เสียหาย

เตือนภัย โจรออนไลน์ลวงแพคสินค้าสู่หลอกลงทุน 7.6 แสน อายัดเงิน 1.2 แสน คืนผู้เสียหาย

แจ้งเตือนภัย โจรออนไลน์ ลวงแพคสินค้า หลอกลงทุน 7.6 แสน อายัดเงิน 1.2 แสน คืนผู้เสียหาย

ตำรวจไซเบอร์จับบัญชีม้า เพจทำงานออนไลน์ เริ่มลวงจากให้แพคสินค้าสู่หลอกลงทุนเสียหายกว่า 7.6 แสน อายัดทัน 1.2 แสน นำคืนผู้เสียหาย

สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดดำเนินการตามโครงการ “MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน” โดยก่อนหน้านี้ สามารถจับกุมเครือข่ายบัญชีม้าของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ และสามารถติดตามนำคืนให้แก่ผู้เสียหายตามขั้นตอนในโครงการ “MONEY CASH BACK” ไปแล้วหลายครั้ง รวมจำนวนเงินกว่า 230.3 ล้านบาท 

กรณีล่าสุด เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 68 ผู้เสียหายพบเพจโฆษณาเกี่ยวกับการรับงานมาทำที่บ้าน ผู้เสียหายสนใจอยากมีรายได้เสริมจึงติดต่อไป จากนั้นแอดมินเพจให้ติดต่อทางแอปพลิเคชันไลน์กับผู้ใช้บัญชีรายหนึ่ง เป็นผู้แนะนำงานที่ทำ โดยแจ้งว่าเป็นงานแพคสินค้า จากนั้นให้ผู้เสียหายเพิ่มเพื่อนกับบัญชีไลน์อีกรายเป็นผู้ประเมินงาน
 

คนร้ายจะส่งลิงก์งานให้ผู้เสียหายกดประเมินสินค้าแล้วให้แคปรูปภาพสินค้าส่งในไลน์เพื่อรับค่าตอบแทน  ครั้งละประมาณ 10 - 50 บาท เมื่อประเมินสินค้าเสร็จแล้ว จึงให้ผู้เสียหายเพิ่มเพื่อนกับผู้ใช้บัญชีไลน์อีกราย เพื่อทำภารกิจเพิ่มอีก อ้างว่าเป็นผู้แนะนำการลงทุนเงินดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์ม ลงทุนแล้วจะได้รับค่าคอมมิชชั่น 20% ผ่านพอร์ต จากนั้นให้ผู้เสียหายซื้อหุ้นตามที่ตนเองบอก แล้วส่งหมายเลขบัญชีธนาคารมาให้เพื่อโอนเงินไปลงทุน


จากการลงทุนในครั้งแรก ปรากฏว่ามีเงินเพิ่มขึ้นมาในแพลตฟอร์มจริง ต่อมาบอกว่าต้องทำภารกิจเพิ่มอีก โดยให้โอนเงินไปลงทุนซื้อหุ้นอีก แต่เมื่อผู้เสียหายทำตามแล้วผู้ใช้บัญชีไลน์ดังกล่าวอ้างว่าผู้เสียหายทำผิดต้องแก้ไขงานและให้เพิ่มเพื่อนกับบัญชีไลน์ซึ่งเป็นผู้ดูแลแพลตฟอร์ม เพื่อสอบถามวิธีการแก้ไข ผู้เสียหายจึงเพิ่มเพื่อนอีก

เมื่อผู้เสียหายสอบถามวิธีการแก้ไขงาน  คนร้ายแจ้งว่าต้องแก้ไขงานด้วยการโอนเงินเพิ่มเข้าไปอีกเพื่อทำการแก้ไขแล้วจะได้รับผลตอบแทนพร้อมกับเงินทุน ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้โอนเงินเพิ่มอีกหลายครั้งไปยังบัญชีธนาคารปลายทางทั้งหมด 9 บัญชี รวมเป็นเงินทั้งสิ้น จำนวน 760,526.91 บาท สุดท้ายไม่ได้รับเงินคืนจริง
 

 

จากกรณีดังกล่าว ว่าที่ พ.ต.อ.วิศรุตม์  จันทร์สุวรรณ ผกก.1 บก.สอท.2 ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและออกหมายเรียก นายอาทิตย์ หนึ่งในผู้ต้องหาขบวนการดังกล่าว เพื่อทำการสอบสวน

ต่อมา พ.ต.ท.วรศักดิ์ รอดสัมฤทธิ์ รอง ผกก.1 บก.สอท.2, พ.ต.ท.สุกิจ เพชรนิล  สว.กก.1 บก.สอท.2 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด ได้นำหมายเรียกผู้ต้องหาดังกล่าวไปส่งให้ยังผู้ต้องหาในพื้นที่ ต.เสนางคนิคม อ.เสนางคนิคม จ.อำนาจเจริญ กระทั่งผู้ต้องหายอมเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน ที่ กก.1 บก.สอท.2 ส่วนผู้ต้องหารายอื่นอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในขบวนการ

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาเพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรจะรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่นใด”

จากกรณีดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถประสานงานธนาคารเพื่ออายัดเงินในบัญชีธนาคารไว้ได้ เป็นจำนวนเงิน 127,120 บาท เบื้องต้น

เจ้าตัวรับสารภาพว่าเพื่อนที่เคยร่วมงานก่อสร้างด้วยกันขอยืมบัญชีธนาคารและหมายเลขโทรศัพท์ของตนไปสมัครเล่นเกมส์สล๊อตจึงมอบให้ไป หลังจากนั้นตนก็ไม่ได้ใช้บัญชีดังกล่าวอีกเลย โดยตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินที่อายัดไว้ จึงขอไม่โต้แย้งในกรรมสิทธิ์ และยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งมอบเงินในบัญชีตามจำนวนดังกล่าวคืนให้แก่ผู้เสียหาย

 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดติดตามคดี จึงได้ร่วมกันนำเงินจำนวน127,120 บาท มอบคืนให้แก่ผู้เสียหาย ตามโครงการ “MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้าคว้าเงินคืน