กทม. ยกระดับศูนย์เด็กเล็ก เปิดสิทธิเด็กนอกชุมชน ลดเหลื่อมล้ำ

วันนี้ (30 ก.ค. 68) กรุงเทพมหานครเดินหน้าครั้งสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตเด็กเล็กในเมือง โดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เสนอและได้รับความเห็นชอบจากสภากรุงเทพมหานครให้รับหลักการร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการสนับสนุนศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน พ.ศ. ... เพื่อขยายการสนับสนุนไปยังเด็กที่เคยเข้าไม่ถึงสวัสดิการ และเพิ่มคุณภาพการดูแลในภาพรวม

ที่ผ่านมา การสนับสนุนศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนยังคงจำกัดอยู่เฉพาะศูนย์ที่จัดตั้งตามระเบียบของ กทม. เท่านั้น ทำให้เด็กที่อยู่นอกชุมชนหรือในพื้นที่ที่ไม่ใช่ศูนย์ที่จดทะเบียนไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควร นายชัชชาติกล่าวว่า ข้อบัญญัติฉบับใหม่นี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้เด็กทุกคนได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะในประเด็นของการปรับค่าตอบแทนอาสาสมัครตามวุฒิการศึกษาและอายุงาน ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของบุคลากรผู้ดูแลเด็ก

นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เน้นย้ำถึง 3 เป้าหมายหลักของร่างข้อบัญญัติฉบับนี้ :

• ลดข้อจำกัดในการดูแลเด็กอายุน้อยลง : เพื่อรองรับพ่อแม่ที่ต้องกลับไปทำงานหลังลาคลอดเพียง 3 เดือน ทำให้ศูนย์เด็กเล็กสามารถดูแลเด็กที่มีอายุน้อยลงได้
• เปิดโอกาสให้ศูนย์นอกชุมชนเข้าระบบการสนับสนุน : ศูนย์เด็กเล็กที่ไม่ใช่ศูนย์ที่จดทะเบียนในชุมชน เช่น "บ้านย่า บ้านยาย" หรือศูนย์ในชุมชนแออัด จะสามารถเข้ารับการสนับสนุนจาก กทม. ได้
• เพิ่มงบประมาณสนับสนุนที่จำเป็น : ครอบคลุมถึงสวัสดิการครู, ค่าอาหารกลางวัน, และค่าสาธารณูปโภค เพื่อให้การดูแลเด็กมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

นายศานนท์ ยังกล่าวเสริมว่า แนวคิด "กระจายอำนาจ" ให้ชุมชนมีบทบาทหลักในการดูแลศูนย์ฯ จะยังคงอยู่ เพื่อให้การดูแลเด็กเล็กเป็นไปอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพในทุกพื้นที่

นายเอกวิน โชคประสพรวย สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตราชเทวี อธิบายเพิ่มเติมว่า ร่างข้อบัญญัติฉบับนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างที่การเบิกจ่ายงบประมาณต้องผ่านกรรมการชุมชน และส่งผลให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการดูแลเด็กในแต่ละพื้นที่ การออกข้อบัญญัติจะช่วยให้สามารถตั้งงบประมาณสำหรับอาหาร, นม, สวัสดิการครู, และค่าดำเนินงานที่จำเป็นได้อย่างชัดเจนและต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้คุณภาพชีวิตของเด็กเล็กดีขึ้นอย่างถ้วนหน้า

หลังจากการหารืออย่างเข้มข้น สภากรุงเทพมหานครได้ลงมติเห็นชอบรับหลักการร่างข้อบัญญัติดังกล่าว พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการวิสามัญจำนวน 10 คน และกำหนดเวลาแปรญัตติ 7 วันทำการ โดยมีเป้าหมายให้การพิจารณาทุกอย่างแล้วเสร็จภายใน 60 วันนับจากนี้