สถานการณ์น้ำท่วม ล่าสุด 5 จังหวัดยังอ่วม เตรียมรับมือน้ำโขงทะลัก

สถานการณ์น้ำท่วม ล่าสุด 5 จังหวัดยังอ่วม เตรียมรับมือน้ำโขงทะลัก

5 จังหวัดยังคงวิกฤตน้ำท่วมจากอิทธิพล "พายุวิภา" ขณะที่ ปภ. เร่งช่วยเหลือเต็มที่ พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำโขง คาดว่าจะทะลักในอีก 1-2 วันนี้

วันนี้ (30 ก.ค. 68) นายชัยรัตน์ แก้วเพียงเพ็ญ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่มจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนวิภา โดยย้ำว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเร่งแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่องครอบคลุมทุกด้าน พร้อมเน้นย้ำให้จังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้วเร่งฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่สภาพเดิมโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ ยังมีการเฝ้าระวังและเตรียมรับมือสถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงอย่างใกล้ชิด

สถานการณ์โดยรวมและผลกระทบ

นายชัยรัตน์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 จนถึงปัจจุบัน พายุวิภา และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ส่งผลให้เกิดอุทกภัยใน 11 จังหวัด ได้แก่ น่าน เชียงราย พะเยา ลำปาง เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน แพร่ สุโขทัย ตาก อุตรดิตถ์ และเลย รวม 70 อำเภอ 326 ตำบล 1,877 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 63,411 ครัวเรือน 198,837 คน และมีผู้เสียชีวิต 4 ราย (น่าน 3 ราย และแพร่ 1 ราย)

พื้นที่ยังคงมีสถานการณ์และมาตรการช่วยเหลือ

ปัจจุบัน (30 ก.ค. 68 เวลา 06.00 น.) ยังคงมีสถานการณ์ใน 5 จังหวัด ได้แก่ น่าน เชียงราย แพร่ สุโขทัย และตาก รวม 34 อำเภอ 152 ตำบล 792 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 42,203 ครัวเรือน 123,504 คน โดยภาพรวมระดับน้ำลดลง ยกเว้นจังหวัดสุโขทัยที่ระดับน้ำทรงตัว

แม้หลายพื้นที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย แต่การให้ความช่วยเหลือยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งการดูแลด้านการดำรงชีพ การแพทย์และสาธารณสุข การเร่งระบายน้ำ การดูแลระบบสาธารณูปโภค การอพยพประชาชน การจัดตั้งโรงครัวพระราชทาน และการอำนวยความสะดวกด้านคมนาคม ปภ. ได้สนับสนุนเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลสาธารณภัย เช่น รถบรรทุกติดตั้งเครื่องสูบน้ำระยะไกล รถปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัย รถประกอบอาหาร และเรือท้องแบน เพื่อช่วยเหลือในพื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์
 

การฟื้นฟูพื้นที่และเฝ้าระวังแม่น้ำโขง

สำหรับจังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว จะมีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลเข้าช่วยเหลือประชาชนในการทำความสะอาดบ้านเรือนและสิ่งสาธารณะ เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด พร้อมประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อจัดทำบัญชีและให้ความช่วยเหลือตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ ปภ. ยังเฝ้าระวังสถานการณ์ในพื้นที่ภาคเหนือและลุ่มแม่น้ำโขงอย่างใกล้ชิด โดยเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ได้ส่งข้อความแจ้งเตือนผ่านระบบ Cell Broadcast ไปยังจังหวัดบึงกาฬและหนองคาย ให้เฝ้าระวังน้ำโขงล้นตลิ่ง และเตรียมพร้อมรับมือ รวมถึงอพยพกลุ่มเปราะบางไปยังพื้นที่ปลอดภัย รวมถึงระดมเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตใกล้เคียงเข้าเตรียมพร้อมช่วยเหลือในพื้นที่เสี่ยงภัย

นายชัยรัตน์เน้นย้ำให้จังหวัดที่อยู่ในเส้นทางไหลของน้ำติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือ และเร่งสำรวจ ตรวจสอบ ซ่อมแซมพนังกั้นน้ำ คันกั้นน้ำ และประตูระบายน้ำให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง พร้อมจัดทำแนวป้องกันในพื้นที่ที่ไม่มีแนวคันกั้นน้ำ และเตรียมแผนสำรองกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน

ช่องทางแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือ

ท้ายที่สุด ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามพยากรณ์อากาศ ข้อมูลข่าวสาร และการแจ้งเตือนภัยจากทางราชการอย่างใกล้ชิด หากมีประกาศหรือคำเตือนขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด หากพบเห็นหรือได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทาง Line Official Account “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” (Line ID @1784DDPM) และทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง