ผู้อพยพพุ่ง! ไทยควบคุม 11 พื้นที่ชายแดน หลังกัมพูชาละเมิดหยุดยิง

ไทยประณามกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ส่งผลให้ยอดผู้อพยพทะลัก 1.8 แสนคน ขณะที่กองทัพไทยเข้าควบคุมพื้นที่ชายแดนแล้ว 11 จุด ย้ำใช้สิทธิ์ป้องกันตนเองตอบโต้การรุกราน
พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย และโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณ ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงประณามการกระทำของกัมพูชาที่ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง อย่างต่อเนื่อง หลังจากไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด โดยยืนยันว่าไทยมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการโต้กลับเพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชน
พล.ร.ต.สุรสันต์ เปิดเผยว่า แม้ไทยจะยุติการยิงในทุกพื้นที่ตามข้อตกลงเมื่อเวลา 24.00 น. ที่ผ่านมา แต่ฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อาวุธเข้ามาในเขตแดนไทยอย่างต่อเนื่องในหลายจุด ถือเป็นการกระทำที่จงใจละเมิดข้อตกลงและทำลายความเชื่อมั่นระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยเหตุนี้ ฝ่ายไทยจึงจำเป็นต้องใช้มาตรการโต้กลับภายใต้สิทธิ์การป้องกันตนเองตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยย้ำว่าไทยไม่ได้ใช้กำลังเพื่อรุกราน แต่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและความปลอดภัยของประชาชน
นอกจากนี้ ยังปรากฏข้อมูลว่าฝ่ายกัมพูชาได้ใช้โบราณสถานเป็นโล่กำบัง ซึ่งเป็นการละเมิดพันธกรณีคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมของสหประชาชาติภายใต้อนุสัญญาของยูเนสโก ศบ.ทก. จึงขอประณามการกระทำของทหารกัมพูชาในครั้งนี้อย่างรุนแรง
สถานการณ์การปะทะและการควบคุมพื้นที่
พล.ร.ต.สุรสันต์ สรุปสถานการณ์การปะทะระหว่าง ไทย-กัมพูชา ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ของวันนี้ โดยระบุว่าไทยสามารถควบคุมพื้นที่ได้ทั้งหมด 11 แห่ง ประกอบด้วย ภูมะเขือ, ช่องอานม้า, ปราสาทตาเมืองธม, ปราสาทตาควาย, แนวเขตแดนช่องบก, ปราสาทโดนตวล, สัตตะโสม, ช่องจอม, ช่องสายตะกู, พระวิหาร และพลาญยาว
ยอดผู้ประสบภัยและผลกระทบต่อสถานพยาบาล
ในส่วนของยอดผู้ประสบภัย พล.ร.ต.สุรสันต์ แจ้งว่ามีผู้อพยพรวมทั้งสิ้น 188,729 คน มีพลเรือนเสียชีวิต 15 คน และบาดเจ็บรวม 53 คน แบ่งเป็นบาดเจ็บสาหัส 12 คน, ปานกลาง 13 คน, เล็กน้อย 13 คน โดยมีผู้บาดเจ็บรักษาตัวในโรงพยาบาล 14 ราย นอกจากนี้ สถานพยาบาลได้รับผลกระทบทั้งหมด 20 แห่ง โดย 13 แห่งปิดบริการ และ 7 แห่งปิดบริการบางส่วน ขณะที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ได้รับผลกระทบ 175 แห่ง
การประสานงานและเตือนภัยไซเบอร์
สำหรับการส่งกลับผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต และผู้ถูกควบคุม พล.ร.ต.สุรสันต์ ระบุว่าทั้งสองฝ่ายจะมีการหารือเพื่อหาข้อยุติและข้อตกลงร่วมกัน พร้อมกันนี้ ได้เน้นย้ำให้ประชาชนเฝ้าระวังการโจมตีทางไซเบอร์ โดยเฉพาะข่าวปลอมและข่าวลวงที่สร้างขึ้นจาก AI ขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการติดตามและแบ่งปันข้อมูลข่าวสาร และแจ้งเจ้าหน้าที่หากพบการละเมิดทางไซเบอร์ โดยมีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบ
กระทรวงการต่างประเทศเรียกร้องกัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงโดยทันที
นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดและโดยทันที โดยย้ำว่าการหยุดยิงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการลดความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้ ยังขอให้กัมพูชาดูแลคนไทยที่อาศัยอยู่ในกัมพูชา เช่นเดียวกับที่ไทยจะดูแลคนกัมพูชาในประเทศไทย
นางมาระตี ขอให้ประชาชนที่อยู่ในศูนย์พักพิงอดทนรอจนกว่าสถานการณ์จะกลับคืนสู่ความปลอดภัยเพียงพอต่อการกลับบ้าน เนื่องจากสถานการณ์ยังคงมีความเปราะบางอย่างมาก ไทยต้องการเห็นความจริงใจของกัมพูชาในการหยุดยิงและการโจมตี โดยเฉพาะต่อพลเรือน โดยยืนยันว่าการดำเนินการทุกอย่างของรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการรักษาอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน บนผลประโยชน์ของชาติและความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ







