ปภ. ประกาศเขตภัยพิบัติฉุกเฉินแล้ว 5 จังหวัด ครอบคลุม 1,438 หมู่บ้าน

ปภ. ประกาศให้ 5 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นเขตภัยพิบัติฉุกเฉินแล้ว ครอบคลุมพื้นที่ 1,438 หมู่บ้าน พร้อมระดมความช่วยเหลือและเครื่องจักรกลเข้าพื้นที่อย่างเร่งด่วน
วันนี้ (28 ก.ค. 68) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เร่งสนับสนุนการปฏิบัติงานและให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างเต็มที่ โดยมีการประกาศพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีฉุกเฉินแล้วใน 5 จังหวัด และเตรียมพร้อมระบบแจ้งเตือนภัยผ่านโทรศัพท์มือถือแบบทันที
นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มอบหมายให้นายชัยรัตน์ แก้วเพียงเพ็ญ รองอธิบดีกรมฯ เข้าร่วมการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กระทรวงมหาดไทย โดยระบุว่า ปภ. ได้ดำเนินการตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 โดยขณะนี้มี 5 จังหวัดที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือฯ ได้แก่ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี และตราด ครอบคลุม 19 อำเภอ 119 ตำบล และ 1,438 หมู่บ้าน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ กรมบัญชีกลาง ยังได้อนุมัติขยายวงเงินทดรองราชการในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดเพิ่มเป็นจังหวัดละ 100 ล้านบาท เพื่อให้การดูแลประชาชนเป็นไปอย่างคล่องตัวและทันสถานการณ์
ด้านนายชัยรัตน์ แก้วเพียงเพ็ญ รองอธิบดี ปภ. เปิดเผยว่า ปภ. ได้วางแผนสนับสนุนการพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลังตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย โดยเมื่อวานนี้ (27 กรกฎาคม 2568) ได้ส่งเครื่องจักรกลสาธารณภัยจากศูนย์ ปภ. เขต 7 สกลนคร เข้าปฏิบัติงานในจังหวัดศรีสะเกษเพิ่มเติมแล้ว 14 คัน ได้แก่ รถเครื่องกำเนิดไฟฟ้า รถบรรทุกน้ำ รถตรวจการณ์ รถบรรทุกขนาดเล็ก รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถผลิตน้ำดื่ม และรถประกอบอาหาร
สำหรับเครื่องจักรกลจากศูนย์ ปภ. เขตอื่นๆ ที่ส่งไปสนับสนุนก่อนหน้านี้ ก็ยังคงตรึงกำลังปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ และที่สำคัญ ปภ. ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมแจ้งเตือนภัยผ่านระบบ Cell Broadcast ได้ทันทีหากได้รับการแจ้งความเสี่ยง
นายชัยรัตน์ ยังได้เน้นย้ำและฝากข้อความถึงประชาชนในพื้นที่ชายแดนว่า "ขอเน้นย้ำให้ประชาชนในพื้นที่ชายแดนอย่าปิดเครื่องโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากหาก ปภ. ได้รับการแจ้งความเสี่ยงอันตรายจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ จะทำการส่งแจ้งเตือนภัยผ่าน Cell Boardcast ไปยังโทรศัพท์มือถือของประชาชนในพื้นที่เสี่ยงทันที เพื่อแจ้งเตือนประชาชนทราบข้อมูลอย่างรวดเร็วอีกทางหนึ่ง" และขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารจากทางราชการและหน่วยงานในพื้นที่อย่างใกล้ชิด







