ประเทศเข้าสู่ความไม่สงบ พลเรือนไทยทำอะไรได้บ้าง เพื่อช่วยเหลือกองทัพ

สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดน 'ไทย-กัมพูชา' เข้าสู่วันที่ 3 ยังปะทะต่อเนื่อง เมื่อประเทศเข้าสู่ความไม่สงบ พลเรือนไทยทำอะไรได้บ้าง เพื่อช่วยเหลือ 'กองทัพ'
สถานการณ์การสู้รบในพื้นที่ตามแนว ชายแดนไทย-กัมพูชา ล่าสุดยังคงมีการปะทะกันต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยเมื่อเวลา 05.10 น. วันนี้ (26 ก.ค. 68) ฝ่ายกัมพูชาเปิดพื้นที่ใหม่โจมตีทหารไทย ที่บริเวณบ้านชำราก จังหวัดตราด โดยกองกําลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราดจึงได้ตอบโต้ ทาง กองทัพเรือ (ทร.) จึงได้เปิดยุทธการ 'ตราดพิฆาตไพรี1' ทำการผลักดันและทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชาวางกำลังรุกล้ำเขตแดนไทย 3 จุด กระทั่งเวลา 05.40 น. กำลังทหารเรือสามารถผลักดันฝั่งกัมพูชาจนถอยออกไป
โดยเมื่อวานนี้ 'กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด' ได้ออกประกาศใช้ กฎอัยการศึก เรื่อง ให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1. จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี อำเภอท่าใหม่ อำเภอมะขาม อำเภอแหลมสิงห์ อำเภอแก่งหางแมว อำเภอนายายอาม และ อำเภอเขาคิชฌกูฏ
ข้อ 2. จังหวัดตราด อำเภอเขาสมิง
สำหรับประชาชน เมื่อประเทศเข้าสู่ความไม่สงบตามแนวชายแดน พลเรือนไทยทำอะไรได้บ้าง เพื่อช่วยเหลือกองทัพ
1. รับข่าวสารอย่างมีสติ (Be Informed - Stay Disciplined)
- ติดตามข่าวจากเพจทางการของกองทัพ
- ตรวจสอบข้อมูลก่อนแชร์ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข่าวลวงหรือข้อมูลเท็จ
- ห้ามเปิดเผยข้อมูลปฏิบัติการของทหารเด็ดขาด
2. เฝ้าระวังในพื้นที่ (Watch, Report, and Support)
- เป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่
- แจ้งเบาะแสบุคคลหรือวัตถุต้องสงสัยทันที
- หากพบการเคลื่อนย้ายสิ่งของผิดปกติ ให้รีบแจ้งหน่วยที่เกี่ยวข้อง
3. ใช้ทรัพยากรอย่างมีสติ (Conserve Resources - Strengthen the Nation)
- ใช้ไฟ น้ำ เชื้อเพลิง และอาหารอย่างประหยัด
- ลดการสูญเปล่า เพิ่มความมั่นคงด้านพลังงาน
- เพื่อประโยชน์ทั้งต่อตนเองและประเทศในระยะยาว
4. ส่งกำลังบำรุงอย่างเหมาะสม (Support Logistics Wisely)
- บริจาคเฉพาะสิ่งที่จำเป็น ตามที่กองทัพร้องขอ เช่น เลือด ยา เวชภัณฑ์
- หลีกเลี่ยงการส่งของที่ไม่จำเป็น เพราะอาจเพิ่มภาระให้เจ้าหน้าที่
- เชื่อมั่นว่ากองทัพมีระบบจัดการสรรพกำลังที่มีประสิทธิภาพอยู่แล้ว
สนธิสัญญาที่กัมพูชาละเมิด โดยการกระทำเหล่านี้ถือเป็น 'อาชญากรรมสงคราม'
28 พฤษภาคม 2568
- ขุดสนามเพลาะโดยผิดกฎหมาย สร้างความเสียหายต่อแนวเส้นแบ่งลุ่มน้ำธรรมชาติ
- ละเมิด บันทึกความเข้าใจ (MoU) ปี 2543 ซึ่งจัดทำโดย คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ที่ห้ามมิให้มีการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมบริเวณแนวเขตแดน
16 และ 23 กรกฎาคม 2568
- ลักลอบวางกับระเบิดใหม่ ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บสาหัส
- ละเมิด อนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้กับระเบิดสังหารบุคคล (Anti-personnel mines)
24 กรกฎาคม 2568
- เปิดฉากโจมตีเป็นภัยต่ออธิปไตยของไทย
- ละเมิด กฎบัตรสหประชาชาติ (มาตรา 2 ข้อ 4) ห้ามใช้กำลังต่อบูรณภาพแห่งดินแดนของรัฐอื่น
- ยิงจรวด BM-21 เข้าใส่โรงพยาบาลและพื้นที่ชุมชนพลเรือน
- ละเมิด อนุสัญญาเจนีวา (ข้อ 18 และ 19) ที่คุ้มครองสถานพยาบาลและพลเรือนในระหว่างสงคราม
อ้างอิง/ภาพ : กองทัพเรือ Royal Thai Navy , กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด







