“อยู่แถวนี้แหละ”

“อยู่แถวนี้แหละ”

ใครมีโอกาสไปสวิตเซอร์แลนด์ ถ้าอยู่ที่ซูริคและมีเวลาสักหนึ่งชั่วโมง ผมอยากชวนไปเดินชมมหาวิทยาลัย ETH Zurich

ETH เป็นมหาวิทยาลัยที่งดงามและสงบ ตั้งอยู่บนเนินเล็ก ๆ ไม่ไกลจากตัวเมืองซูริค อาคารใหญ่สง่างาม มองลงมาเห็นทิวทัศน์ของเมืองที่สวยงาม

เมื่อ 130 ปีที่แล้ว มีนักศึกษาหนุ่มชาวเยอรมันคนหนึ่ง มายื่นใบสมัครเข้าเรียนที่นี่ แต่สอบไม่ผ่าน ต้องกลับไปเตรียมตัวอีกหนึ่งปีเต็ม ก่อนจะกลับมาสอบใหม่ และผ่านในที่สุด

เขาเข้ามาเรียนตอนอายุ 17 ปี ใช้ชีวิตแบบนักศึกษาทั่วไป มีล็อกเกอร์เก็บสมุด หนังสือ และของใช้ส่วนตัวเหมือนคนอื่น ๆ ผลการเรียนไม่ได้โดดเด่นมากนัก แต่เมื่อเรียนจบไปแล้ว กลายเป็นบุคคลที่ทั่วโลกรู้จัก

เขาชื่อ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ครับ

หลังจากที่โด่งดังระดับโลก ล็อกเกอร์ธรรมดา ๆ ที่ไอน์สไตน์เคยใช้สมัยเรียน ได้กลายเป็นจุดที่ผู้คนอยากมาชม ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ผมเดินจากโรงแรมราว 10 นาที พอถึง ETH ก็ขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น F มองเห็นล็อกเกอร์ไม้ เรียงรายอยู่ข้างทางเดิน

มีนักท่องเที่ยวสาวชาวญี่ปุ่นสองคนกำลังยืนเปิดตู้ ซึ่งดูแตกต่างจากตู้อื่น ๆ เพราะมีปุ่มจับสีทองสะดุดตาใช่เลยครับ… ตู้นี้เอง

เมื่อเปิดออก ผมเห็นของใช้ต่าง ๆ ของไอน์สไตน์ เช่น แว่นตา หนังสือเก่า ภาพถ่าย จดหมาย สำเนาผลการเรียน ไป๊ปสูบบุหรี่ รวมทั้งเสียงเพลง Mozart ซึ่งไอน์สไตน์ชอบฟังคลอเบา ๆ ออกมาจากตู้ เพิ่มอารมณ์เหมือนให้เราได้ใกล้ชีวิต ของอัจฉริยะผู้นี้เข้าไปอีก

ความรู้สึกตอนนั้นคือตื่นเต้นครับ ที่ได้เห็นของใช้ส่วนตัวไอน์สไตน์ ผมยืนถ่ายรูปหน้าล็อกเกอร์อยู่นาน ก่อนที่ทัวร์จีนกว่า 30 คนจะเดินตรงเข้ามา ผมจึงถอยออกมา

ระหว่างนั้น ก็อดถามตัวเองไม่ได้ว่าทำไมของใช้ส่วนตัวของบุคคลสำคัญระดับโลก จึงวางไว้ในตู้เล็ก ๆ ที่ใคร ๆ ก็เปิดดูได้ ไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแล หรือระบบป้องกันใด ๆ แล้วถ้ามีใครมือบอน หยิบไป๊ปของไอน์สไตน์ออกไป จะทำอย่างไร?

แต่ในที่สุด ผมก็ได้คำตอบว่า สิ่งของทั้งหมดในตู้นั้นไม่ใช่ของจริงครับ เป็นเพียงของที่ “จำลอง” ขึ้นมาอย่างประณีตเพื่อจัดแสดงเท่านั้น

นอกจากนั้นล็อกเกอร์ที่ใคร ๆ มาเยี่ยมชม ก็ไม่ใช่ล็อกเกอร์ที่ยืนยันได้ 100% ว่าเคยเป็นของไอน์สไตน์จริง ๆ เป็นเพียงล็อกเกอร์ที่ “สันนิษฐาน” ว่าน่าจะเป็นของเขาเท่านั้น!

แน่นอนว่า เมื่อเรียนจบจาก ETH ล็อกเกอร์ของเขาย่อมถูกนักศึกษารุ่นหลังใช้ต่อ ๆ กันมา และกว่าเขาจะมีชื่อเสียงโด่งดัง ก็หลังเรียนจบไปนานแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปนับสิบปี ใครจะไปจำได้ว่าตู้ไหนคือของไอน์สไตน์?

ผมเองเคยรับทุน AFS ไปเรียนมัธยมที่อเมริกา ถ้าวันนี้ให้ผมกลับไปชี้ว่าล็อกเกอร์ของผมอยู่ตรงไหน ผมก็จำไม่ได้เหมือนกัน!

ความจริงก็คือมหาวิทยาลัยใช้เอกสารเท่าที่มี เช่น ตารางเรียน รายชื่อนักศึกษาแต่ละรุ่น ความทรงจำของศิษย์เก่าบางคน ฯลฯ มาประกอบกัน เพื่อ “สันนิษฐาน” ว่าล็อกเกอร์ของไอน์สไตน์… “น่าจะอยู่แถวนี้แหละ”

แล้ว ETH ก็เลือกล็อกเกอร์แถวๆนั้น 1 ตู้ เพื่อนำมาจัดแสดง ด้วยการวางของใช้จำลองของไอน์สไตน์ให้สมจริงที่สุดถือว่าเป็นล็อกเกอร์ที่ใกล้เคียงความจริงที่สุดแล้ว

ล็อกเกอร์ของไอน์สไตน์ซึ่ง “น่าจะอยู่แถวนี้แหละ” ทำให้ผมนึกถึงสถานที่สำคัญในพุทธประวัติ เช่น สถานที่พระพุทธเจ้าทรงประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ซึ่งชาวพุทธก็อยากรู้ว่าอยู่ตรงไหน

เมื่อสองพันกว่าปีมาแล้วพระเจ้าอโศกมหาราชเสด็จไปแสวงหาสถานที่เหล่านั้น โดยใช้คำบอกเล่าของชาวบ้านในยุคนั้นเป็นข้อมูล เพื่อสันนิษฐานว่าสถานที่สำคัญอยู่ที่ใด

จากนั้นได้ทรงปักหมุด คือ “เสาอโศก” ไว้ ซึ่งทำให้เราชาวพุทธทุกวันนี้ เดินทางไปสังเวชนียสถาน ด้วยความศรัทธาว่าเราได้อยู่ ณ สถานที่ที่ใกล้ชิดองค์พระศาสดามากที่สุดแล้ว

บางคนอาจตั้งคำถามว่า ช่วงเวลาที่พระเจ้าอโศกเสด็จไปนั้น ห่างจากช่วงเวลาที่พระพุทธองค์เสด็จดับขันธ์ไปแล้วนานถึง 200 ปี แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่าสถานที่นั้น “ใช่จริง ๆ“

เป็นคำถามที่นักโบราณคดีพยายามหาคำตอบ และได้รับการยืนยันว่ามีหลักฐานสนับสนุนที่เชื่อถือได้ แม้ไม่ใช่ตรงนั้น “เป๊ะ ๆ” แต่ก็… “อยู่แถวนั้นนั่นแหละ”

คือไม่น่าจะห่างออกไปเกิน 100 หรือ 200 เมตร ซึ่งก็ไม่ใช่นัยสำคัญ

ที่สำคัญก็คือ เรารู้ว่าเราได้ยืนอยู่ในพื้นที่แห่งศรัทธา ความจริง และปัญญา และใกล้พระพุทธองค์ที่สุดแล้ว

แต่สิ่งที่ยังคง “เป๊ะ” ตลอดมา คือคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ถ่ายทอดต่อกันมา และยังเป็นแก่นแท้ของความสงบสุขมาจนถึงทุกวันนี้

จากล็อกเกอร์ไอน์สไตน์ ผมพาคุณย้อนเวลาไปสู่สังเวชนียสถาน และกำลังจะพาคุณกลับมาสู่ปัจจุบัน เพราะขณะนี้ ศรัทธาของชาวพุทธกำลังสั่นคลอน จากข่าวฉาวของพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่หลายรูป ที่หลงใหลในอำนาจ เงินตรา สตรี และโลกียะ

ในขณะที่พระพุทธองค์ทรงประสูติในพระราชวัง และมีพร้อมทุกอย่าง แต่พระองค์สละทุกอย่าง เพื่อแสวงหาสัจธรรม

แต่บรรพชิตบางรูป ซึ่งเติบโตจากชนบทและไม่มีอะไรในชีวิตมาก่อน เมื่อบวชแล้วกลับหลงในลาภ ยศ และความสะดวกสบาย

พวกเขาเดินสวนทางกับพระพุทธเจ้าอย่างสิ้นเชิง และนี่คือสิ่งที่เราต้องชำระสะสางอย่างจริงจังเสียที

ไม่ว่าเสาอโศก หรือล็อกเกอร์ของไอน์สไตน์ เราอาจไม่รู้แน่ชัดว่าตรงกับสถานที่จริงแบบเป๊ะ ๆ หรือไม่ แต่ถ้าเราเชื่อว่า…“อยู่แถวนี้แหละ” เราก็อยู่ใกล้ความจริง และใกล้แสงแห่งปัญญาที่สุดแล้ว

แค่นี้ก็พอแล้วครับ ถ้าหากเรานำแสงแห่งปัญญานั้น ไปปฏิบัติจริง

และไม่ทำตัวเหมือนพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่บางรูป ที่อยู่กับแสงแห่งปัญญา แต่กลับปฎิบัติตน จนกลายเป็นทิดไปแล้วหลายรูป