บุกทลายโกดัง! ยึดวัตถุอันตราย-เครื่องสำอางเถื่อน มูลค่า 20 ล้าน

ตำรวจ ปคบ. และ อย. บุกทลายโกดัง เขตลาดกระบัง ยึดวัตถุอันตรายใช้ในครัวเรือนและเครื่องสำอางเถื่อน กว่า 4 แสนชิ้น มูลค่า 20 ล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ. และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สนธิกำลังเข้าตรวจค้นโกดังในเขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ยึดวัตถุอันตรายใช้ในครัวเรือนและเครื่องสำอางที่ลักลอบนำเข้าและไม่มีเลขจดแจ้ง กว่า 400,000 ชิ้น มูลค่ารวมกว่า 20 ล้านบาท คาดต้นตอมาจากจีน หลังพบมีผู้เสียชีวิตจากการสูดดมก๊าซพิษจากผลิตภัณฑ์แก้ท่อตันที่ไม่ได้มาตรฐาน
ปฏิบัติการครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 โดยเจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึดนำโดย พ.ต.ท.รุตินันท์ สัตยาชัย สว.กก.4 บก.ปคบ. เข้าตรวจค้นโกดังแห่งหนึ่งในแขวงทับยาว เขตลาดกระบัง หลังสืบสวนจากการร้องเรียนของประชาชนและข่าวการเสียชีวิตจากการใช้ผลิตภัณฑ์แก้ไขท่อตันที่ไม่ได้มาตรฐาน
ภายในโกดัง เจ้าหน้าที่พบแรงงานต่างชาติกำลังบรรจุสินค้าลงกล่องพัสดุเพื่อจัดส่งให้ลูกค้า และได้ตรวจยึดของกลางจำนวนมาก ประกอบด้วย
- วัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือนหรือทางสาธารณสุข ยี่ห้อ SEAWAYS เช่น ผลิตภัณฑ์ซักผ้า, น้ำยาทำความสะอาดพื้น, น้ำยาขจัดท่ออุดตัน, น้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำ และกำจัดเชื้อราในครัวเรือน รวม 393,027 ชิ้น
- ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางยี่ห้อ Dr. Leo ได้แก่ ครีมบำรุงผิวและป้องกันแสงแดด จำนวน 20,719 ชิ้น
รวมของกลางทั้งสิ้น 413,746 ชิ้น คิดเป็นมูลค่ากว่า 20,000,000 บาท
จากการสอบสวน นางสาวอุทุมวัลย์ (สงวนนามสกุล) เจ้าของสถานที่ ให้การว่าสินค้าดังกล่าวเป็นของลูกค้าชาวต่างชาติ โดยบริษัทในประเทศจีนเป็นผู้ว่าจ้างเช่าโกดังเพื่อเก็บและบรรจุสินค้าส่งให้ลูกค้าที่สั่งซื้อผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งเป็นร้านค้าของคนจีน เมื่อลูกค้าชาวไทยสั่งซื้อ ข้อมูลจะถูกส่งไปยังร้านค้าในจีน และส่งต่อมายังโกดังเพื่อบรรจุและจัดส่ง โดยมียอดส่งสินค้าประมาณ 7,000 – 9,000 ชิ้นต่อวัน ได้ค่าจ้างชิ้นละ 5 – 7 บาท และดำเนินการมาแล้วประมาณ 3 ปี
การตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายยี่ห้อ SEAWAYS บางรายการไม่มีการแจ้งข้อเท็จจริง ไม่ขึ้นทะเบียน และบางรายการแม้จะยื่นขอจดทะเบียนแต่ไม่พบข้อมูลการนำเข้าผ่านด่าน อย. ส่วนผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางยี่ห้อ Dr. Leo ก็ไม่พบข้อมูลการนำเข้าที่ถูกต้องเช่นกัน
บทลงโทษและคำเตือนผู้บริโภค
เบื้องต้น การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตาม พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 ในข้อหา “มีไว้ในครอบครองวัตถุอันตรายไม่แจ้งข้อเท็จจริง” (โทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ), “มีไว้ในครอบครองวัตถุอันตรายที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน” (โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ), และ “ขายวัตถุอันตรายที่ไม่แสดงฉลากภาษาไทย” (โทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)
นอกจากนี้ ยังมีความผิดตาม พระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ.2558 ในข้อหา “ขายเครื่องสำอางที่ไม่มีเลขจดแจ้ง” (โทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท), “ขายเครื่องสำอางที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง” (โทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ), และ “นำเข้าเพื่อขายเครื่องสำอางโดยไม่ผ่านการตรวจสอบ ณ ด่านตรวจสอบเครื่องสำอาง” (โทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท)
นพ. รุ่งฤทัย มวลประสิทธิ์พร รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ย้ำเตือนผู้บริโภคให้ระมัดระวังในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ทางออนไลน์ ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายที่มีฉลากภาษาไทย ระบุเลขแจ้งข้อเท็จจริง หรือเลขทะเบียนวัตถุอันตราย (วอส.) และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางต้องมีฉลากภาษาไทยพร้อมเลขจดแจ้ง อย่าหลงเชื่อคำโฆษณาที่อ้างว่าเป็นสินค้านำเข้า ราคาถูกผิดปกติ เพราะอาจเป็นของปลอม ของไม่มีคุณภาพ และเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
ด้าน พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ฝากความห่วงใยถึงประชาชนว่า ผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในบ้านเรือนหลายชนิดจัดเป็นวัตถุอันตรายที่ต้องขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง ก่อนซื้อควรตรวจสอบฉลากภาษาไทยและเลขผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย (วอส.) เสมอ พร้อมเตือนผู้ที่ลักลอบผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายสินค้าผิดกฎหมายให้หยุดพฤติการณ์ดังกล่าว หากพบจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด
หากผู้บริโภคพบผลิตภัณฑ์ที่ไม่ปลอดภัย สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน อย.1556 หรือสายด่วน บก.ปคบ. 1135 หรือเพจ ปคบ. เตือนภัยผู้บริโภคได้ตลอดเวลา







