เงินช่วยชาวนาปี 2568/69 'อรรถกร' ทบทวนใหม่ เป็น 1,200 บาท/ไร่

"อรรถกร" ไฟเขียวทบทวนเงินช่วยเหลือชาวนาปี 2568/69 เพิ่มเป็นไร่ละ 1,200 บาท สูงสุด 12,000 บาทต่อครัวเรือน คาดช่วยลดภาระต้นทุนและกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากได้มหาศาล
นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (อนุผลิต นบข.) ด้านการผลิต ได้ประกาศข่าวดีสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ด้วยการทบทวนวงเงินช่วยเหลือใหม่ เพิ่มจากเดิมไร่ละ 1,000 บาท เป็นไร่ละ 1,200 บาท และสูงสุดไม่เกิน 10 ไร่ หรือเป็นเงิน 12,000 บาทต่อครัวเรือน โดยมีวงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น 45,492.93 ล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ลดภาระต้นทุนการผลิต และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร
การทบทวนวงเงินช่วยเหลือครั้งนี้ มีขึ้นภายหลังจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2568 ได้มีมติเห็นชอบในหลักการโครงการพัฒนาคุณภาพผลผลิตข้าว ซึ่งเดิมกำหนดเงินช่วยเหลือไร่ละ 500 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ และสนับสนุนปัจจัยการผลิตผ่านกลไกกระเป๋าเงิน ธ.ก.ส. อีก 500 บาทต่อไร่
อย่างไรก็ตาม จากการประชุมของคณะอนุผลิต นบข. ด้านการผลิต ที่มีนายอรรถกรเป็นประธาน ได้มีมติขอทบทวนโครงการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกร โดยให้เหตุผลว่า เพื่อจูงใจให้เกษตรกรพัฒนาคุณภาพข้าวให้ได้มาตรฐานและเป็นที่ต้องการของตลาด รวมถึงการเข้าถึงปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพ เพิ่มศักยภาพการผลิตข้าว และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทยในตลาดโลก
สรุปรายละเอียดการช่วยเหลือนาปี ฤดูการผลิต 2568/69
- อัตราการช่วยเหลือ : ไร่ละ 1,200 บาท
- พื้นที่สูงสุด : ไม่เกิน 10 ไร่
- เงินช่วยเหลือสูงสุด : 12,000 บาทต่อครัวเรือน
- วงเงินงบประมาณรวม : 45,492.93 ล้านบาท (รวมเงินทุน ธ.ก.ส. สำรองจ่าย, ชดเชยต้นทุน 3.05% และค่าบริหาร)
- กลุ่มเป้าหมาย : เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร ประมาณ 4.63 ล้านครัวเรือน ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 36.77 ล้านไร่
ขั้นตอนและระยะเวลาการจ่ายเงิน
กรมส่งเสริมการเกษตรจะส่งข้อมูลรายชื่อเกษตรกรที่ผ่านการขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2568/69 ให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อดำเนินการโอนเงินสนับสนุนช่วยเหลือเข้าบัญชีเงินฝากของเกษตรกรโดยตรง โดยคาดว่าจะเริ่มจ่ายเงินได้หลังคณะรัฐมนตรีและคณะกรรมการ ธ.ก.ส. มีมติเห็นชอบโครงการ และจะดำเนินต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2569
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการ
- เกษตรกรได้รับเงินสนับสนุนโดยตรง : สามารถนำไปซื้อปัจจัยการผลิตที่จำเป็นได้ ทำให้มั่นใจว่าเงินสนับสนุนถูกนำไปใช้เพื่อการเพาะปลูกอย่างแท้จริง
- ลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มรายได้ : ช่วยลดภาระต้นทุนการผลิตของเกษตรกรประมาณ 4.63 ล้านครัวเรือน ส่งผลให้มีรายได้เหลือเพิ่มขึ้นและมีอำนาจการใช้จ่ายในครัวเรือนมากขึ้น
- กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก : การใช้จ่ายเงินผ่านร้านค้าในชุมชนจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ เพิ่มการหมุนเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจของประเทศ และสร้างความเข้มแข็งให้แก่ผู้ประกอบการท้องถิ่น ทำให้รัฐสามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น
ในส่วนของเงินช่วยเหลือสำหรับ นาปรัง ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่นั้น คณะอนุผลิตฯ จะเร่งหาข้อสรุปเพื่อนำเสนอในการประชุมครั้งต่อไป







