เปิดประวัติ 'พระพรหมบัณฑิต' ศ.ดร.ประยูร ธมฺมจิตฺโต กรรมการมหาเถรสมาคม

ฮอตโซเชียล เปิดประวัติ 'พระพรหมบัณฑิต' ศ.ดร.ประยูร ธมฺมจิตฺโต กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร กรุงเทพ
บุคคลในข่าวดัง ฮอตโซเชียล เปิดประวัติ 'พระพรหมบัณฑิต' ศ.ดร.ประยูร ธมฺมจิตฺโต กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร กรุงเทพ
พระพรหมบัณฑิต ฉายา ธมฺมจิตฺโต นามเดิม ประยูร นามสกุล มีฤกษ์ วิทยฐานะ ป.ธ.๙, พธ.บ., M.A., M.Phil., Ph.D., เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๘ ณ ตำบลโพธิ์พระยา อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี
ปัจจุบันดำรงตำแหน่งสำคัญ คือ
- เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส วรวิหาร
- กรรมการมหาเถรสมาคม
- ศาสตราจารย์ สาขาปรัชญา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
- ราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ประเภทวิชาปรัชญา
- ประธานสภาสากลวันวิสาขบูชาโลก (ICDV)
- ประธานสมาคมมหาวิทยาลัยพุทธศาสนานานาชาติ (IABU)
- ประธานศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์
- ประธานกรรมการการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ
- อุปนายกสภามหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
บรรพชาอุปสมบท
บรรพชาเป็นสามเณร วันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๙ ณ วัดสามจุ่น อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี
มี พระครูศรีคณานุรักษ์ วัดดอนบุบผาราม เป็นพระอุปัชฌาย์
อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๑๙ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพมหานคร
มี สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น ชุตินฺธรมหาเถร) วัดสามพระยา กรุงเทพมหานคร เป็นพระอุปัชฌาย์
พระธรรมปิฎก (นิยม ฐานิสฺสรมหาเถร ต่อมาเป็นที่สมเด็จพระมหาธีราจารย์)
วัดชนะสงคราม กรุงเทพมหานคร เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระธรรมธีรราชมหามุนี (ช่วง วรปุญฺญมหาเถร ปัจจุบัน คือ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์)
วัดปากน้ำ กรุงเทพมหานคร เป็นพระอนุสาวนาจารย์
การบริหารงานคณะสงฆ์ในวัดและในภาค
ในฐานะเจ้าสำนักเรียนวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ได้จัดการศึกษาแผนกธรรมศึกษาจนสำนักเรียนได้รับการจัดอันดับจากแม่กองธรรมสนามหลวงให้ติดอันดับท็อปเทนคือหนึ่งในสิบของสำนักเรียนที่มีผู้สอบธรรมศึกษาได้จำนวนมาก
ในฐานะเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ได้แสดงพระธรรมเทศนากัณฑ์อุโบสถทุกวันพระขึ้น-แรม ๑๕ ค่ำเป็นประจำและได้ดำเนินการจัดอบรมพระนักเทศน์ในระหว่างเทศกาลเข้าพรรษาทุกปี ปัจจุบันจัดอบรมไปแล้วจำนวน ๒๐ รุ่น มีผู้จบการอบรมตามหลักสูตรแล้วกว่า ๕,๐๐๐ รูป จนสำนักวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารได้รับการคัดเลือกให้เป็นศูนย์อบรมพระนักเทศน์ประจำกรุงเทพมหานคร
ได้พัฒนาพระวิปัสสนาจารย์และส่งเสริมการปฏิบัติธรรมภายในวัดจนกระทั่งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ประกาศยกย่องวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารเป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดดีเด่น เมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๓
ได้ดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์พระบรมธาตุมหาเจดีย์ของวัด ใช้งบประมาณกว่า ๓๐ ล้านบาท จนกระทั่งวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารได้รับพระราชทานรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น ประเภทปูชนียสถานและวัดวาอาราม จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งเสนอโดยสมาคมสถาปนิกสยาม เมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๔
ขณะดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์พระบรมธาตุมหาเจดีย์อยู่นั้น ได้ปีนขึ้นสำรวจองค์พระบรมธาตุมหาเจดีย์สูง ๖๐ เมตรด้วยตนเองและได้ค้นพบพระบรมสารีริกธาตุ พระบูชาและพระพิมพ์จำนวนมาก จึงได้นำลงมาเก็บไว้ในหอพรินทรปริยัติธรรมศาลาซึ่งบูรณปฏิสังขรณ์จนแล้วเสร็จใน พ.ศ. ๒๕๕๑ ด้วยงบบริจาคกว่า ๕ ล้านบาท และเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์พระมีชื่อว่าประยูรภัณฑาคาร
นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการก่อสร้างท่าเรือวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารและปรับภูมิทัศน์หน้าวัดด้านท่าเรือสิ้นเงิน ๒๔ ล้านบาท และสร้างกุฏิเตชะไกรศรี สิ้นเงิน ๑๐ ล้านบาท
ปัจจุบัน กำลังดำเนินการบูรณะเขามอด้วยงบประมาณ ๓๐ ล้านบาทโดยการอุปถัมภ์ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ในฐานะเป็นเจ้าคณะภาค ๒ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๑ ถึงปัจจุบัน นอกจากจะบริหารกิจการคณะสงฆ์ในภาคให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยแล้วยังเป็นประธานอำนวยการการจัดอบรมบาลีก่อนสอบในภาค ๒ ตั้งแต่ชั้นประโยค ป.ธ.๑-๒ ถึง ป.ธ.๕ ณ วัดต้นสน อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง มีผู้เข้ารับการอบรมไม่น้อยกว่า ๑๐,๐๐๐ รูป
การบริหารงานในฐานะอธิการบดี
ได้ดำเนินการให้มีการตราพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พ.ศ. ๒๕๔๐ ซึ่งทำให้มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยมีสถานภาพเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐและเป็นนิติบุคคล โดยมีหน่วยงานในสังกัดกระจายอยู่ภายในประเทศกว่า ๔๐ จังหวัด คือมีวิทยาเขต ๑๐ แห่ง วิทยาลัยสงฆ์ ๙ แห่ง ห้องเรียน ๘ แห่ง หน่วยวิทยบริการ ๑๘ แห่ง และมีสถาบันสมทบอยู่ในต่างประเทศ ๕ แห่ง คือไต้หวัน เกาหลีใต้ ศรีลังกา สิงคโปร์ และฮังการี ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยมีนิสิตระดับปริญญาตรีถึงระดับปริญญาเอกจำนวนกว่า ๒๐,๐๐๐ รูป/คน
ในฐานะอธิการบดี ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างสำนักงานใหญ่ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ณ ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๒ ถึงปัจจุบัน โดยจัดหาที่ดินที่ได้จากการบริจาคและการซื้อเพิ่มเติม รวมทั้งสิ้น ๓๒๓ ไร่
อ้างอิง วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร







