'สุชาติ' สั่งฟันปาราชิก เร่งแก้ พ.ร.บ.สงฆ์ เพิ่มโทษเสพเมถุน

"สุชาติ ตันเจริญ" เดินหน้ากู้วิกฤตศรัทธาศาสนา สั่ง พศ. จัดระเบียบพระสงฆ์ ปราบการประพฤติมิชอบ โดยเฉพาะปม "สีกา-ทรัพย์สินวัด" แก้ พ.ร.บ.สงฆ์ เพิ่มบทลงโทษผู้เสพเมถุน
วันนี้ (16 ก.ค. 68) นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้ามอบนโยบายการดำเนินงานแก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ พศ. โดยมีนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.พศ. พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงและผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ทั่วประเทศเข้าร่วมรับฟัง หลังเกิดประเด็น "สีกากอล์ฟ" กับพระชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งสร้างความกังขาต่อศรัทธาในพระพุทธศาสนา
นายสุชาติ เปิดเผยว่า ตนเข้ามารับผิดชอบดูแล พศ. ในช่วงเวลาที่เรียกได้ว่า "รับน้องใหม่แรงเหลือเกิน" แต่พร้อมที่จะเข้ามา "สางปัญหา" ที่ถูกส่งมาโดยเฉพาะ โดยต้องการรับฟังภารกิจที่ผ่านมาของ พศ. ปัญหาและอุปสรรคที่ติดขัด เพื่อที่รัฐบาลจะสามารถให้ความช่วยเหลือได้อย่างถูกจุด เพราะตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรค 5 รัฐบาลมีหน้าที่ส่งเสริม สนับสนุน คุ้มครอง และมีมาตรการป้องกันการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาทุกรูปแบบ
วิกฤตศรัทธา: ปัญหาทรัพย์สินและสีกา หัวใจสำคัญที่ต้องแก้ไขเร่งด่วน
ภายหลังการมอบนโยบาย นายสุชาติได้แถลงเน้นย้ำถึงสถานการณ์ปัจจุบันว่าเป็น "วิกฤตของพระพุทธศาสนา" และ พศ. ต้องเร่งดำเนินการแก้ไขวิกฤตศรัทธา เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชนกลับคืนมา โดยปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นกับวัดและเจ้าอาวาสที่ยังขาดมาตรการควบคุมคือ เรื่องทรัพย์สินและสีกา เนื่องจากเมื่อมีทรัพย์สินเงินทอง ก็มักจะตามมาด้วยเรื่องของสีกา เกิดขบวนการหลอกเงินวัดในรูปแบบต่างๆ
นายสุชาติได้กำชับให้ ผอ.พศจ.ทั่วประเทศ ทำงานเชิงรุก โดยเฉพาะประเด็นที่ประชาชนตั้งคำถามว่า เหตุใดชาวบ้านจึงทราบเรื่องพระประพฤติมิชอบ แต่ พศ. กลับไม่ทราบ พร้อมคาดโทษว่า หากจังหวัดใดมีเหตุการณ์ที่ควบคุมความประพฤติของพระภิกษุสงฆ์ให้อยู่ในพระธรรมวินัยไม่ได้ จนถึงขั้นปาราชิก จะต้องมีการพิจารณาความสามารถและประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของ พศจ.
มาตรการควบคุมทรัพย์สินวัดและลงโทษผู้กระทำผิด
เพื่อเพิ่มความโปร่งใสในเรื่องทรัพย์สินของวัด นายสุชาติ ได้มอบนโยบายให้นำระบบ Big Data มาใช้ในการควบคุมทรัพย์สินของวัดและเจ้าอาวาส จัดทำบัญชีพระภิกษุสงฆ์ทุกรูปและเปิดเผยต่อสาธารณะ รวมถึงการจัดการทรัพย์สินของวัดต้องเป็นในรูปแบบของคณะกรรมการ โดยเฉพาะสาธารณสมบัติกลาง เช่น พื้นที่ประตูน้ำ เฉลิมโลก และเอเชียทีค เพื่อให้ประชาชนรับรู้และช่วยตรวจสอบ ป้องกันการหาผลประโยชน์ลับหลัง นอกจากนี้ ยังกำชับให้วัดต้องมีเงินสดไม่เกิน 100,000 บาท และรายงานบัญชีต่อ พศ. ทุกปี ซึ่งนายสุชาติเสนอให้รายงานทุกเดือนและจะนำเรื่องนี้ปรึกษา มหาเถรสมาคม (มส.)
ในส่วนของการดำเนินการกับพระภิกษุที่ประพฤติมิชอบ นายสุชาติระบุว่า พศ. ไม่มีอำนาจจับกุม แต่มีอำนาจหน้าที่ในการปกป้องคุ้มครองส่งเสริมพระพุทธศาสนา จึงขอให้ พศ. ทำงานเชิงรุก ประสานงานกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการจับกุมดำเนินคดีต่อไป
เมื่อถูกถามถึงเป้าหมายการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน นายสุชาติกล่าวว่า มีประกาศเรื่องบัญชีเงินฝากออกมาแล้ว และกำลังให้ทุกวัดเริ่มปฏิบัติตาม โดยห้ามถือเงินสดเกิน 100,000 บาท และ พศ. จะเข้าตรวจสอบในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ หากไม่ดำเนินการจะถือว่าผิดพระธรรมวินัยและต้องมีการลงโทษตามวินัยสงฆ์
แก้ไข พ.ร.บ. คณะสงฆ์ เพิ่มบทลงโทษทั้งพระและสีกา
เพื่อกอบกู้วิกฤตศรัทธาและแก้ไขปัญหาการกระทำผิด นายสุชาติให้นโยบายเร่งแก้ไข พ.ร.บ. คณะสงฆ์ ปี พ.ศ. 2505 โดยเพิ่มบทลงโทษสำหรับผู้กระทำผิด เช่น การแต่งกายเลียนแบบพระ, การอวดอุตริมนุสธรรม, การอ้างตนเป็นเทพ หรือติดต่อเทพได้ โดยเฉพาะกรณีการ "เสพเมถุน" ซึ่งจะต้องมีบทลงโทษทั้งสีกาและพระภิกษุ โทษอาจรวมถึงการจำคุก 1-7 ปี และปรับตั้งแต่หลายหมื่นบาทถึงหลักแสนบาท โดยคาดว่าจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อนำเข้าสู่การทำประชาพิจารณ์ เสนอคณะกรรมการกฤษฎีกา และนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป
ปรับปรุงบทบาท "ไวยาวัจกร" และควบคุมการจัดทำวัตถุมงคล
นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.พศ. ได้กล่าวถึงปัญหาการขาดไวยาวัจกรที่ช่วยดูแลทรัพย์สินของวัด ซึ่ง พศ. กำลังดำเนินการขึ้นทะเบียนไวยาวัจกร เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน และบางวัดยังไม่ได้มีการแต่งตั้งไวยาวัจกรอย่างถูกต้องตามกฎของ มส. โดยในอนาคตอาจพิจารณาพัฒนาไวยาวัจกรให้คล้ายกับรูปแบบอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ที่มีค่าตอบแทน และต้องพัฒนาทักษะ ความรู้ในการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัด
นายสุชาติยังได้ให้นโยบายในการจัดการเรื่องไวยาวัจกรให้แล้วเสร็จ รวมถึงปัญหาการ จัดทำวัตถุมงคล ที่บางแห่งพบว่ากลายเป็นแหล่งฟอกเงินของกลุ่มค้ายาเสพติดและพนันออนไลน์ โดยได้มอบนโยบายให้ไปปรึกษา มส. ว่าควรจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาอนุญาตการจัดทำวัตถุมงคลหรือไม่ เพื่อป้องกันปัญหาการแพร่หลายและควบคุมคุณภาพ
เรียกศรัทธากลับคืนสู่พระพุทธศาสนา
นายสุชาติกล่าวทิ้งท้ายว่า ขณะนี้เป็นวิกฤตศรัทธาในศาสนา จึงขอความร่วมมือสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวในเชิงบวก พร้อมยืนยันว่า ตนและ พศ. ในฐานะผู้กำกับดูแล จะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อเรียกศรัทธาจากประชาชนกลับคืนมา และรักษาพระพุทธศาสนาให้อยู่คู่บ้านคู่เมืองตลอดไป โดยเน้นย้ำว่าการกระทำของพระสงฆ์บางรูปไม่ควรนำมาทำลายพระพุทธศาสนา เพราะพระสงฆ์เป็นเพียงส่วนหนึ่ง เป็นสาวก มิใช่ตัวพระพุทธศาสนา ซึ่งประชาชนศรัทธาในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นสำคัญ







