ลุยปราบอลัชชี! ตั้งศูนย์ฯ ต้านพระนอกรีต จับตาสำนักพุทธไม่จริงใจ

ลุยปราบอลัชชี! ตั้งศูนย์ฯ ต้านพระนอกรีต จับตาสำนักพุทธไม่จริงใจ

ตำรวจสอบสวนกลาง ประกาศตั้ง "ศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา" รับแจ้งเบาะแสพระสงฆ์นอกรีต พร้อมรื้อคดีเก่า ชี้ "สำนักพุทธ" ทำงานล่าช้า หวั่นปล่อยไว้ทำลายศาสนา

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง เพื่อวางแนวทางและหลักการจัดตั้ง "ศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และส่งเสริมพระธรรมวินัย" โดยระบุว่าศูนย์แห่งนี้จัดตั้งขึ้นเพื่อรับเรื่องร้องเรียนกรณีพระสงฆ์กระทำผิดพระธรรมวินัย และปัจจุบันมีข้อมูลร้องเรียนจำนวนมาก โดยจะขยายคู่สายเป็น 10 สาย เพื่อรองรับการแจ้งข้อมูลที่เพิ่มขึ้นในอนาคต

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ภารกิจหลักของศูนย์ฯ คือการเป็นศูนย์กลางในการรับแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดวินัยสงฆ์ การทุจริตของสงฆ์ รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการธำรงไว้ซึ่งพระธรรมวินัย แม้ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่าจะมีการจัดตั้งศูนย์ถาวรหรือไม่ แต่เชื่อว่าการดำเนินการนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในวงการสงฆ์อย่างจริงจัง

ผนึกกำลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง – จับตา สพศ. ปรับปรุงการทำงาน

ในส่วนของแนวทางการทำงาน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เน้นย้ำว่าจะเป็นการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าที่ผ่านมาการทำงานร่วมกับสำนักพุทธฯ มักจะไม่ราบรื่นและล่าช้า เนื่องจากสำนักพุทธฯ มีแนวโน้มที่อาจจะปกปิดปัญหาและขาดความเข้มงวดกวดขัน ทำให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจำเป็นต้องมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง

ลุยปราบอลัชชี! ตั้งศูนย์ฯ ต้านพระนอกรีต จับตาสำนักพุทธไม่จริงใจ

 

"ข้อมูลที่ตำรวจส่งให้สำนักพุทธฯ เกี่ยวกับความไม่เหมาะสมของพระสงฆ์ มักจะไม่ได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง ทำให้ตำรวจมองว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำงานร่วมกันได้ หากปราศจากความจริงใจในการทำงาน" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว พร้อมเชื่อว่าการเข้ามาของตำรวจและหน่วยงานภายนอกจะสร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

ไม่มีอ่อนข้อ "ไม่อยากปล่อยให้เป็นมะเร็งร้าย"

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เน้นย้ำว่า "ไม่อยากปล่อยไว้ให้กลายเป็นมะเร็งร้ายจนทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อม" และยืนยันว่าการดำเนินการครั้งนี้จะไม่มีการอ่อนข้อใดๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ที่ควรจะต้องละซึ่งกิเลส

ลุยปราบอลัชชี! ตั้งศูนย์ฯ ต้านพระนอกรีต จับตาสำนักพุทธไม่จริงใจ

สำหรับอำนาจหน้าที่ของตำรวจนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ชี้แจงว่า ตำรวจทำงานเพื่อความมั่นคงของประเทศชาติและสถาบันพระพุทธศาสนา แต่ไม่มีอำนาจในการไล่พระให้สึก โดยจะทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลและส่งต่อให้สำนักพุทธฯ พิจารณาเป็นรายบุคคล ซึ่งการตัดสินใจขั้นสุดท้ายขึ้นอยู่กับสำนักพุทธฯ นอกจากนี้ ยังได้ขอความร่วมมือให้สำนักพุทธฯ รวบรวมข้อมูลเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลักของพระสงฆ์ทั้งกว่า 3 แสนรูป เพื่อนำมาตรวจสอบประวัติว่าเคยมีการกระทำความผิดหรือไม่
 

เตรียมรื้อคดีเก่า – ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ สพศ. เอื้อประโยชน์พระนอกรีต

ในประเด็นที่มีบุคคลของสำนักพุทธฯ เข้าไปเป็นมัคทายกวัดและมีส่วนช่วยเหลือพระที่ประพฤติไม่เหมาะสม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ทางตำรวจจะนำเข้าหารือในที่ประชุมวันพรุ่งนี้เพื่อรายงานให้ผู้ใหญ่ในสำนักพุทธฯ รับทราบและแก้ไขปัญหา

หลังจากนี้ ตำรวจจะรื้อคดีที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ที่เคยถูกสำนักพุทธฯ ปัดตกไป และกองซุกอยู่ใต้โต๊ะขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่ทั้งหมด ทั้งนี้ ภายหลังจากเปิดศูนย์ฯ ก็ได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีพระผู้ใหญ่หลายรูปที่มีพฤติการณ์ในลักษณะดังกล่าว แต่ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีสีกากอล์ฟ ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะขอเวลาในการตรวจสอบก่อน

เจาะลึกคดี "สีกากอล์ฟ" และพระอดีตพระผู้ต้องหา

สำหรับกรณีที่มีความพยายามของเจ้าหน้าที่บางคนระบุว่าการกระทำของเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส ยังไม่ถึงขั้นปาราชิกนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่มีทั้งดีและไม่ดี แต่ทางตำรวจยืนยันมีหลักฐานว่าพระกระทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ทั้งมีการมอบของขวัญที่เกินกว่าฐานะพระและฆราวาส รวมถึงเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงกับสีกา นอกจากนี้ยังมีพยานบุคคล ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดของ สีกากอล์ฟ (อดีตสามี) ให้การยืนยันว่าพระรูปนี้ส่งเงินบรรจุในกล่อง และถังสังฆทานผ่านพัสดุไปรษณีย์มาให้สีกากอล์ฟใช้ เงินดังกล่าวมีลักษณะเหมือนเงินทำบุญจากตู้บริจาค แต่ไม่มีการนับและระบุจำนวนที่แน่ชัด

ความคืบหน้าคดีกับสีกากอล์ฟนั้น เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการขยายผลสืบเส้นทางการเงิน พร้อมวอนให้พระที่ตกเป็นข่าว ทั้งที่ลาสิกขาไปแล้วและยังไม่ลาสิกขา ให้มาพบตำรวจเพื่อให้ข้อมูล โดยเฉพาะ "ทิดอาชญ์" ที่เชื่อว่าน่าจะตกเป็นผู้เสียหายอย่างชัดเจนว่าถูกแบล็คเมล์

ขณะที่ "ทิดบุญเลิศ" ซึ่งเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. เมื่อเย็นวานนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เผยว่าเป็นเคสที่น่าสงสาร เนื่องจากทิดบุญเลิศพยายามหนีการเสพสังวาสจากสีกากอล์ฟหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็พลาดเพราะสีกากอล์ฟนำเด็กมาเป็นเหยื่อล่อ และหลังจากเสพสังวาสไปแล้ว ทิดบุญเลิศก็เกิดสำนึกว่าศีลขาด รักษาศีลไม่ครบ จึงยุติการบวชพระให้กับพระใหม่ ทั้งยังโดนสีกาหลอกว่าเด็กป่วย ไม่สบาย และยืมเงินเพื่อนำไปรักษาเด็กเป็นจำนวนเงินหลักแสนบาท ซึ่งภายหลังจากการให้เงินไปแล้ว ทิดบุญเลิศได้ไปตรวจสอบที่โรงพยาบาล แต่กลับไม่พบประวัติการรักษา

ในวันนี้ เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะลงพื้นที่วัดมหาธาตุ พิษณุโลก และที่วิทยาลัยสงฆ์แห่งหนึ่ง เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมต่อไป