วิถีแห่งพระอริยะ พระพุทธเจ้า ทรงย้ำ 'ไม่ข้องแวะสตรี' ตัดกิเลส

พระพุทธองค์ ทรงสอนภิกษุให้สำรวมตนต่อสตรี เพื่อตัดบ่วงกิเลสและก้าวสู่หนทางแห่งพระนิพพาน การวางตนอย่างเหมาะสมคือแก่นแท้แห่งพระธรรมวินัย
พระปัญญาวชิรโมลี (นพพร ธีรปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดป่าศรีแสงธรรม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี เผยแพร่ คำสอนพระพุทธเจ้า กรณีพระกับสตรี โดยกล่าวถึงพุทธวจนะอันเป็นแก่นแท้แห่งพระธรรมวินัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำสอนของพระพุทธเจ้าเกี่ยวกับการปฏิบัติของภิกษุต่อสตรี ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการดำเนินชีวิตอันบริสุทธิ์ของสมณะ
จากพระดำรัสที่ตรัสตอบพระอานนท์เกี่ยวกับข้อปฏิบัติของภิกษุต่อสตรี เมื่อพระองค์ล่วงไปในภายภาคหน้า พระบรมศาสดาได้ทรงเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสำรวมอินทรีย์ โดยเริ่มต้นจากการที่ "ไม่ต้องเห็น ไม่ต้องดูเลยเป็นดีที่สุด" เพื่อป้องกันมิให้กิเลสเข้าครอบงำ
เมื่อพระอานนท์ทูลถามถึงกรณีที่มีความจำเป็นต้องเห็นหรือดู พระองค์ได้ตรัสตอบอย่างชัดเจนว่า "ถ้าจำเป็นต้องเห็นต้องดู ก็ไม่ควรพูดด้วย" ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการจำกัดปฏิสัมพันธ์เพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของจิต
และหากมีความจำเป็นต้องพูดคุย พระองค์ทรงกำชับว่า "ต้องพูดสิ่งที่เป็นประโยชน์ เช่นการแสดงธรรม โดยตั้งสติไว้ให้มั่น ไม่ให้แปรปรวนด้วยราคะตัณหา ไม่มีอาการละเมิดทางกาย ทางวาจา วางตนให้เหมาะสมกับการเป็นสมณะ"
พระธรรมวินัยที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนไว้นั้น มีจุดมุ่งหมายเพื่อการตัดกิเลสและนำไปสู่การหลุดพ้นจากวัฏสงสาร ผู้ใดที่ล่วงเกินพระธรรมวินัยที่พระองค์ตรัสไว้ดีแล้ว ย่อมเป็นไปตามกรรมที่ตนได้ก่อเอาไว้ ไม่ช้าก็เร็วย่อมเห็นผลของกรรมนั้นๆ ดังนั้น การตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาทจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เพราะการพลาดพลั้งอันนำไปสู่ ปาราชิก (ผู้พ่ายแพ้ต่อกิเลสอันใหญ่) ย่อมหมายถึงการปิดหนทางสู่พระนิพพานในชาตินั้นๆ อย่างสิ้นเชิง
คำสอนนี้จึงเป็นเครื่องเตือนใจแก่พุทธบริษัททุกรูปนาม โดยเฉพาะภิกษุสงฆ์ ให้ยึดมั่นในพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของพระศาสนาและเพื่อการบรรลุซึ่งจุดหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา นั่นคือพระนิพพาน







