รู้ทันโจร โดนโกงเงินล้าน หลอกลงทุนโปรโมตสินค้า อายัด 2 แสนคืนเหยื่อ

รู้ทันโจร โดนโกงเงินล้าน หลอกลงทุนโปรโมตสินค้า อายัด 2 แสนคืนเหยื่อ

ตรวจสอบแล้ว แจ้งเตือนระวังภัย ผู้สูงอายุโดนโกงเงินล้าน หลอกลงทุนโปรโมตสินค้า อายัด 2 แสน ตำรวจคืนเงินเหยื่อ

กรุงเทพธุรกิจ ตรวจสอบแล้ว แจ้งเตือนระวังภัย ผู้สูงอายุ โดนโกงเงินล้าน หลอกลงทุน โปรโมตสินค้า อายัด 2 แสน ตำรวจคืนเงินเหยื่อ

สืบเนื่องจาก ได้มีผู้เสียหายชายรายหนึ่ง อายุ 73 ปี ถือเป็นผู้สูงอายุ ได้เห็นโพสต์โฆษณาการสร้างรายได้จากการโปรโมตเพื่อขายอาหารเสริม ผู้เสียหายสนใจ

จึงได้ติดต่อผ่านแชทของเฟซบุ๊กดังกล่าว จากนั้นคนร้ายได้ให้ผู้เสียหายแอดไลน์ชื่อบัญชี “ศูนย์การเงินแก้ระบบ”

จากนั้นคนร้ายได้แนะนำผู้เสียหายว่า หากช่วยโปรโมตสินค้าประเภทอาหารเสริมแล้วจะได้คะแนนสะสมเพื่อนำไปแลกเป็นเงิน โดยกดจากลิงก์ที่คนร้ายส่งให้

ต่อมา ผู้เสียหายจึงได้โอนเงินเพื่อโปรโมตสินค้าตามคำแนะนำของคนร้าย จากนั้นได้มีคะแนนและเงินสะสมขึ้นมาในระบบ

เมื่อผู้เสียหายเห็นว่าได้คะแนนสะสมมากแล้ว คนร้ายจึงเริ่มชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุนซื้อ-ขายเหรียญคริปโต

โดยแนะนำให้ใช้เงินลงทุนจากเงินสะสมในเว็บไซต์ดังกล่าวเพื่อทำกำไรให้มากขึ้น สุดท้ายผู้เสียหายโอนเงินไปทั้งสิ้น 1,068,343.10 บาท

 

ต่อมา พนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.3 ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดอุดรธานีออกหมายจับ ผู้ต้องหาในขบวนการได้แล้ว จำนวน 6 ราย พร้อมทั้งสามารถประสานธนาคารเพื่ออายัดเงินในบัญชีธนาคารของหนึ่งในผู้ต้องหาตามหมายจับ ไว้ได้จำนวน 208,161.16 บาท ซึ่งเป็นบัญชีม้าแถวที่ 1 ที่ผู้เสียหายได้โอนเงินเข้า จำนวน 2 ครั้ง รวมจำนวนเงิน 314,408.25 บาท

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนางสาว ศ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ จ.162/2568 ลงวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ได้บริเวณถนนแดงทองดีเหนือ ต.ตะพานหิน อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร

ในข้อหา

  • สนับสนุนร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น
  • สนับสนุนร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนและยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด

เบื้องต้น ผู้ต้องหาอ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินที่อายัดไว้ และขอไม่โต้แย้งในกรรมสิทธิ์ พร้อมยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งมอบเงินในบัญชีตามจำนวนดังกล่าวคืนให้แก่ผู้เสียหาย

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดติดตามคดี จึงได้ร่วมกันนำเงิน จำนวน 208,161.16 บาท ดังกล่าว มอบคืนให้แก่ผู้เสียหาย ตามโครงการ MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้าคว้าเงินคืน

อ้างอิง ตำรวจไซเบอร์