แฉฟัน 450 ล้าน หัก 'หัวคิว' แรงงานกัมพูชา DSI ค้น 4 จุด ขบวนการขายชาติ

อัปเดตล่าสุด สืบลับแฉฟัน 450 ล้าน! บัญชีม้าหัก 'หัวคิว' แรงงานกัมพูชา ล่าสุดกรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI ค้น 4 จุด ทำเป็นขบวนการขายชาติ
กรุงเทพธุรกิจ อัปเดตล่าสุด กรณี จนท. สืบลับแฉฟัน 450 ล้านบาท บัญชีม้า 'หักหัวคิว' แรงงานกัมพูชา ล่าสุดกรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI ค้น 4 จุด
ดีเอสไอ เปิดปฏิบัติการตรวจค้น 4 จุด “บัญชีม้า” รีดหัวคิวแรงงานต่างด้าว ใช้ช่องโหว่ต่อใบอนุญาตออนไลน์หาผลประโยชน์ พบเส้นทางเงิน 400 ล้าน โยงเจ้าหน้าที่ไทย เชื่อมถึง “บิ๊กกัมพูชา” ฮือฮา เข้าข่ายทำเป็นขบวนการขายชาติรูปแบบหนึ่งด้วยหรือไม่
ช่วงก่อนเที่ยงวันนี้ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ จะเปิดปฏิบัติการตรวจค้น 4 จุด ซึ่งเกี่ยวข้องกับบุคคลที่เปิด “บัญชีม้า” เชื่อมโยงกับการเรียกเก็บค่าหัวคิวต่อใบอนุญาตแรงงานต่างด้าวแบบออนไลน์ ซึ่งเป็นระบบใหม่ที่กระทรวงแรงงานริเริ่มขึ้น และกำลังเจรจาเพื่อใช้กับแรงงานต่างด้าว 4 ประเทศ คือ
- เมียนมา
- ลาว
- กัมพูชา
- เวียดนาม
อย่างไรก็ดี ในทางการสืบสวนของดีเอสไอทราบว่า ที่ผ่านมามีเพียงกัมพูชาประเทศเดียวที่บรรลุข้อตกลงแล้ว และเริ่มกระบวนการต่อใบอนุญาตแบบออนไลน์แล้ว
ต่อมา ดีเอสไอได้รับการร้องเรียนจากบริษัทจัดหางาน และผู้ประกอบการซึ่งมีแรงงานต่างด้าว เมื่อต้องการต่อทะเบียนแรงงานต่างด้าวที่ครบอายุใบอนุญาต ซึ่งสามารถกรอกข้อมูลทางออนไลน์ได้ แต่ปรากฏว่าไม่สามารถคลิกให้ได้รับการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ เพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป คือ
- ตรวจโรค
- ตรวจคุณสมบัติ
- ยืนยันตัวตน
ก่อนได้รับใบอนุญาตทำงานต่อไป
เมื่อระบบติดขัด ก็จะมีนายหน้าติดต่อเข้ามา
เรียกค่าหัวคิว อ้างว่าเป็นค่าดำเนินการให้กับแรงงานต่างด้าว หัวละ 2,500 บาท เมื่อบริษัทจัดหางาน หรือผู้ประกอบการยอมจ่าย ก็จะสามารถดำเนินการต่อในระบบออนไลน์ และได้รับใบอนุญาตทำงานของแรงงานต่างด้าวรายนั้นๆ ได้ ตามกระบวนการปกติต่อไป
หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียน ดีเอสไอได้สืบสวนในทางลับ และพบขบวนการรีดหัวคิวแรงงานจริง โดยมีการใช้ “บัญชีม้า” ซึ่งตรวจพบแล้วขณะนี้ 4 บัญชี รับโอนเงิน และมีคนเบิกเป็นเงินสดออกไป จึงนำมาสู่ปฏิบัติการตรวจค้นในวันนี้
จากการสืบสวนของดีเอสไอ ยังพบเส้นทางเงินค่าหัวคิว ถูกส่งไปยังบุคคลกลุ่มต่างๆ ในกัมพูชา มีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ และบุคคลที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ
ในลักษณะแบ่งปันผลประโยชน์กับฝ่ายไทย ดีเอสไอพบเส้นทางเงินข้ามไปยังฝั่งกัมพูชา และมีบางส่วนถูกเบิกออกมาเป็นเงินสด จัดสรรกันในกลุ่มผู้เกี่ยวข้องในฝั่งไทยด้วย
เบื้องต้นพบว่ามีมูลค่าความเสียหายราวๆ 450 ล้านบาท จากการรีดหัวคิวแรงงานกัมพูชา 180,000 คน จากยอดทั้งหมดที่ต้องต่อใบอนุญาตในช่วงปี 2568 จำนวนกว่า 2 แสนคน
แหล่งข่าวจากดีเอสไอ เผยว่า หากมีการต่อใบอนุญาตแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาครบทั้งหมด จะมีเม็ดเงินหัวคิวสูงถึง 600 ล้านบาท และหากกระบวนการนี้ทำสำเร็จครบทั้ง 4 ประเทศ จะมีผลประโยชน์เป็นเงินนอกระบบปีละหลายพันล้านบาท
ซึ่งทางดีเอสไอ กำลังเร่งตรวจสอบว่า ขบวนการนี้เชื่อมโยงถึงบุคคลฝ่ายการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ระดับใดในกระทรวงแรงงานด้วยหรือไม่
โดยการพบเส้นทางเงินเชื่อมโยงถึงฝั่งกัมพูชา โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่ไทยกับกัมพูชามีข้อพิพาทเรื่องเขตแดนอยู่ในขณะนี้ ถือเป็นประเด็นอ่อนไหว จึงต้องเก็บรวบรวมพยานหลักฐานอย่างรอบคอบ รัดกุม เพื่อเปิดโปงขบวนการที่อาจเข้าข่าย “ขายชาติ” รูปแบบหนึ่ง
อัปเดตหักหัวคิว แรงงานกัมพูชา 450 ล้าน DSI ค้นขบวนการขายชาติ
พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พันตำรวจโท อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เดินทางมาตรวจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ โดยมี ร้อยตำรวจเอก ทินวุฒิ สีละพัฒน์ ผู้อำนวยการกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ พันตำรวจโท ธนวัฒน์ วงศ์อนันต์ชัย ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ นายจินกร แก้วศรี รองผู้อำนวยการกองคดีการฟอกเงินทางอาญา และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ
ลงพื้นที่ตรวจค้นพยานหลักฐาน ขบวนการรีดหัวคิวแรงงานนำไปฟอกเงินผ่านเจ้าหน้าที่กัมพูชา วานนี้ กรณีนี้ สืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับหนังสือร้องเรียนจากผู้ใช้ชื่อว่า กลุ่มนายจ้าง ที่ได้รับความเดือดร้อน
ร้องเรียนว่า ตามที่กระทรวงแรงงานของไทยได้มีประกาศกระทรวงแรงงาน ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ผ่อนผันให้มีการต่อใบอนุญาตทำงานให้กับแรงงานต่างด้าว สัญชาติเมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ที่ครบกำหนดวันสิ้นสุดการอนุญาตในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งประกอบด้วย เมียนมา 2,012,856 คน กัมพูชา 287,557 คน ลาว 94,132 คน และเวียดนาม 3,673 คน
โดยกำหนดเงื่อนไขใหม่ขึ้นมาว่าผู้ที่จะต่อใบอนุญาตทำงานได้ ต้องได้รับการรับรองจากสถานทูตและนายหน้าจัดหางาน (AGENCY) จากประเทศต้นทางเสียก่อน จึงทำให้เกิดมีขบวนการเรียกรับเงินจากแรงงานต่างด้าวที่ต้องการจะต่อใบอนุญาตทำงานดังกล่าว โดยแรงงานต่างด้าวแต่ละคน จะจ่ายเงินเพิ่มเติมจากค่าใช้จ่ายปกติตามที่ทางราชการกำหนด อีกรายละ 2,500 บาท
โดยการบอกกล่าวจาก นายหน้าคนไทย เป็นคนแจ้งไปยังนายจ้างและแรงงานต่างด้าวให้โอนเงินส่วนนี้ผ่านบัญชีม้า ซึ่งเป็นบัญชีของคนต่างด้าวด้วยกัน หากไม่จ่ายเงินส่วนนี้ก็จะไม่ได้รับการอนุมัติให้ต่อใบอนุญาตทำให้แรงงานต่างด้าวเกิดความกลัวว่าจะถูกจับกุม จึงยอมทำตาม สร้างความเสียหายให้กับแรงงานต่างด้าว นายจ้าง และบริษัทผู้รับจ้างฯ
จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่าเงินจำนวนดังกล่าว บางส่วนได้ถูกโอนไปยังเจ้าหน้าที่ของกัมพูชา โดยในวันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม 2568 เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้เข้าทำการตรวจค้นพยานหลักฐานในคดี จำนวน 4 จุด ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
ซึ่งเป็นบริษัทนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ เป็นผู้ดำเนินการรับต่อใบอนุญาตทำงานให้แก่แรงงานสัญชาติกัมพูชา ผลการตวจค้นพบพยานหลักฐานอันเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนและจะทำการขยายผล
อ้างอิง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ-DSI)





