ฝนตกหนักทั่วไทย ถึง 14 ก.ค. 'เหนือ-อีสาน' เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลันสูง

กรมอุตุฯ เตือน เฝ้าระวังฝนตกหนักต่อเนื่องทั่วไทย ถึง 14 ก.ค. โดยเฉพาะภาคเหนือและอีสาน เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก เตรียมรับมือได้เลย
กรมอุตุนิยมวิทยา ได้อัปเดตผลการพยากรณ์ฝนสะสมรายวันและลมระดับ 925hPa (ประมาณ 750 เมตร) ล่วงหน้า 13 วัน ระหว่างวันที่ 2-14 กรกฎาคม 2568 จากศูนย์พยากรณ์อากาศระยะกลางยุโรป (ECMWF) เตือนให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ฝนตกหนักและปริมาณฝนสะสมที่อาจส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในหลายพื้นที่
สถานการณ์ฝนตกหนักช่วงวันที่ 2-6 กรกฎาคม 2568
ในช่วงวันที่ 2-6 กรกฎาคม 2568 นี้ ประเทศไทยจะยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและด้านตะวันออก และภาคกลาง ซึ่งจะมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุฯ ย้ำเตือนให้ระมัดระวังเป็นพิเศษในพื้นที่ต่อไปนี้ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก:
- ภาคเหนือ : จังหวัดตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา และน่าน
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน : จังหวัดเลย หนองบัวลำภู หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม
เนื่องจากหลายพื้นที่โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนตกต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ดินเริ่มอิ่มตัว แม้ปริมาณฝนปานกลางก็อาจส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังและน้ำป่าไหลหลากได้ นี่เป็นปรากฏการณ์ปกติในช่วงฤดูฝน โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและด้านตะวันออกมีโอกาสฝนตกมากกว่าบริเวณอื่น ๆ เนื่องจากร่องมรสุมจะแกว่งขึ้นลงบริเวณประเทศไทยตอนบน
นอกจากนี้ ภาคใต้ฝั่งอันดามัน และภาคตะวันออก (ด้านรับมรสุม) จะมีฝนเพิ่มขึ้นบ้างและยังคงต้องเฝ้าระวังฝนตกหนัก สำหรับภาคกลาง กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ยังคงมีฝนตกในบางพื้นที่ แต่ปริมาณฝนยังไม่สม่ำเสมอ มีทั้งเพิ่มขึ้นและลดลง ส่วนภาคใต้ตอนกลางถึงตอนล่างยังคงมีฝนตกได้บางแห่งตลอดช่วง โดยปริมาณฝนยังไม่เพิ่มขึ้นมากนัก
แนวโน้มสภาพอากาศช่วงวันที่ 7-14 กรกฎาคม 2568
ในช่วงวันที่ 7-9 กรกฎาคม 2568 ปริมาณฝนจะลดลงบ้าง แต่ฝนจะยังคงเกิดขึ้นส่วนใหญ่ในพื้นที่ทางตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
หลังจากนั้น ในช่วงวันที่ 10-14 กรกฎาคม 2568 ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนเพิ่มขึ้นอีกครั้งจากหย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณประเทศจีนตอนใต้ ซึ่งยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
กรมอุตุนิยมวิทยายังแจ้งว่า ในระยะนี้มีสัญญาณการก่อตัวของพายุหมุนเขตร้อนใกล้บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ อย่างไรก็ตาม พายุไม่มีทิศทางการเคลื่อนที่เข้าสู่ประเทศไทยแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ข้อมูลและสถานการณ์สภาพอากาศอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามข้อมูลนำเข้าและประมวลผลใหม่ ประชาชนควรใช้ข้อมูลนี้เป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจและติดตามข่าวสารสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัย







