ผู้นำอายุน้อย

ผู้นำอายุน้อย

วิพากษ์วิจารณ์กันมานาน เรื่องผู้นำอายุน้อยและขาดประสบการณ์ในการบริหาร

แต่ในขณะเดียวกัน เราก็พูดกันจนเป็นกระแสสังคมว่า คนรุ่นเก่าในทุกวงการ ควรถอยห่างและผันตัวออกมาเป็นผู้สนับสนุน เพื่อให้คนรุ่นใหม่ที่ทันสมัยกว่า เข้ามามีบทบาทแทน

เมื่อกระแสสังคม ดูเหมือนจะยังสับสนอยู่เช่นนี้ ผมจึงถามตัวเองว่าในช่วง 5 ถึง 10 ปีที่ผ่านมา มีประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศ ที่ได้ผู้นำอายุน้อย จึงควรจะถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจติดตาม

ดังนั้น ผมจึงลองไปหาข้อมูลและหลักคิดเผื่อจะได้ความรู้ความเข้าใจว่า ในหลักการแล้ว เราควรมองประเด็น “อายุของผู้นำประเทศ” อย่างไร?

ผมได้ชื่อผู้นำอายุน้อยมา 4 คน จาก 4 ประเทศครับ เรียงตามลำดับอายุก็คือEmmanuel Macron ของฝรั่งเศสซึ่งเมื่อเริ่มดำรงตำแหน่ง มีอายุเพียง39 ปี ตามด้วยJacinda Ardern ของนิวซีแลนด์ อายุเมื่อดำรงตำแหน่งน้อยลงไปอีก แค่37 ปีเท่านั้น

อีกสองคนคือSanna Marin ของฟินแลนด์นี่ยิ่งน่าทึ่ง เพราะเมื่อดำรงตำแหน่ง อายุเพียง 34 ปี เท่านั้นเอง และที่น่าทึ่งสุดๆก็คือSebastian Kurtz ของออสเตรีย อายุ31 ปี เมื่อวันที่เข้าดำรงตำแหน่ง!

ตายแล้วเรา! ตอนที่พวกเราอายุ 31 ปี หลายคนยังไม่ค่อยจะเป็นผู้เป็นคนเอาด้วยซ้ำไป แต่เจ้าหมอนี่ชนะการเลือกตั้ง ได้เป็นผู้นำประเทศไปแล้ว

ที่น่าสังเกตุก็คือ ผู้นำอายุน้อยทั้ง 4 คน ดำรงตำแหน่งได้นานทีเดียว Macron เป็นผู้นำฝรั่งเศสจนถึงทุกวันนี้รวม 8 ปีแล้ว ส่วน Ardern ของนิวซีแลนด์ ก็อยู่ในตำแหน่งนานถึง 6 ปี และได้ตัดสินใจลาออกก่อนครบกำหนด เพราะรู้สึกว่า “เหน็ดเหนื่อยกับภารกิจ และอยากกลับไปดูแลครอบครัว”

ส่วน Marin แห่งฟินแแลนด์ อยู่ครบ 3 ปี ก็นานพอสมควร และ Kurtz แห่งออสเตรีย ซึ่งอายุน้อยสุดเพียง 31 ปีเท่านั้น ก็อยู่ได้ 2 สมัย รวม 4 ปี

สรุปว่า ผู้นำอายุน้อยไม่น่าจะใช่ประเด็น เพราะผู้นำเหล่านี้ก็อยู่ได้ค่อนข้างนาน ผมจึงค้นหาข้อมูลต่อไปอีกว่า การที่ผู้นำอายุน้อย จะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น น่าจะขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไรบ้าง

จากการค้นคว้า ทำให้ได้ “แนวคิด” ที่สรุปออกมาชัดเจนว่า ผู้นำอายุน้อย แม้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ก็ควรมี “โปรไฟล์ความพร้อม” (Readiness Profile)ดังนี้

1.มีคุณธรรมสูง ได้รับความเชื่อถือจากสาธารณชน (strong moral character and public trust)

2.มีประสบการณ์เป็นผู้นำเชิงก้าวหน้า อย่างน้อย 10 ปีขึ้นไป (More than 10 years of progressive leadership experience)

3.ผ่านบทพิสูจน์ในการตัดสินใจภายใต้ภาวะวิกฤต ที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว (Crisis tested decision-making ability)

4.เข้าใจกลไกการทำงานของภาครัฐ และสถาบันต่างๆในสังคม อย่างลึกซึ้ง (Deep institutional knowledge)

5.มีความพร้อมทางอารมณ์ และทักษะในการสร้างทีม (Emotional intelligence and coalition building skills)

ประเด็นเหล่านี้ ผู้นำแต่ละคนย่อมมีมากน้อยแตกต่างกันไป แน่นอนว่าผู้นำคนใดมีครบทั้งห้าข้อ และแข็งแรงทั้งห้าข้อ ก็ควรจะเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จ ถึงแม้จะอายุน้อยก็ตาม

แต่ผมว่า ไม่ใช่เฉพาะผู้นำอายุน้อยหรอกนะ ต่อให้ผู้นำอายุ 50, 60 หรือมากกว่านั้น ก็ควรจะต้องมี “โปรไฟล์ความพร้อม” ทั้ง 5 ข้อนี้เช่นกัน

ทั้ง 5 ข้อนั้น ผมว่าสำคัญทุกข้อ ผมจะลองสมมติตัวอย่างว่า ผู้บริหารที่ทำงานภาคเอกชนมานานมาก จนเกษียณอายุหรือใกล้เกษียณแล้ว มีประสบการณ์ทำงานเพียบ และประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานมาทุกรูปแบบแต่ถ้าไม่คุ้นเคยกับกลไกการทำงานของรัฐ และองค์กรภาครัฐเลย คือขาดโปรไฟล์ข้อ 4…….

แบบนี้ ถ้าให้เข้าไปดำรงตำแหน่งระดับผู้นำประเทศรับรองว่าแค่เจอปัญหาใหญ่ให้ตัดสินใจครั้งแรก ก็คงมึนตึบแล้ว เพราะนึกไม่ออกว่ามีหน่วยงานไหนเกี่ยวข้องบ้างและจะต้องพยายามเรียนรู้อย่างรวดเร็ว จากที่ปรึกษาต่างๆ เป็นต้น

ผมยังไม่หยุดครับ พยายามไปหาข้อมูลเพิ่มเติมว่าผู้นำอายุน้อยทั้ง 4 คนที่พูดถึงนั้น เมื่อระยะเวลาผ่านไปแรมปี แต่ละคนประสบความสำเร็จหรือไม่ อย่างไร

ก็ได้คำตอบมาว่า Macron แห่งฝรั่งเศส ถือว่าประสบความสำเร็จ มาจนถึงปัจจุบัน ปรับตัวได้เก่ง เข้าใจระบบ และมีพลังขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง ส่วน Ardern แห่งนิวซีแลนด์ ก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน มีภาวะผู้นำที่ดีเยี่ยม แต่เมื่อเธอเหนื่อยล้า ก็ขอลาออกเพื่อไปดูแลครอบครัว เป็นเรื่องธรรมดา

ส่วน Marin แห่ง ฟินแลนด์ โดยรวมถือว่าประสบความสำเร็จ เพียงแต่โดนพิษภัยเศรษฐกิจ ทำให้แพ้การเลือกตั้ง ซึ่งเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย

ข้อมูลระบุว่า ผู้นำ 4 คนนี้คนที่ล้มเหลวที่สุด ก็คือ Kurtz หนุ่มน้อยแห่งออสเตรีย ซึ่งขาดความโปร่งใส และกลายเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญา

เขาถูกกล่าวหาว่าใช้เงินของกระทรวงการคลังจ้างบริษัทสื่อ และจ้างสถาบันทำโพลล์ เพื่อจัดทำผลสำรวจปลอม และเผยแพร่ผลโพลล์ที่ชื่นชมเขา ผ่านสื่อกลุ่มหนึ่งที่เขาควบคุมได้ด้วยการจ่ายเงินโฆษณา

เป็นแผนปูทางให้เขาได้เป็นหัวหน้าพรรคและนายกรัฐมนตรี แต่ในที่สุดเมื่อเรื่องนี้ถูกเปิดเผย เขาก็ต้องลาออกจากตำแหน่งผู้นำประเทศ เพราะสอบตกโปรไฟล์ข้อแรกเลย ในเรื่องคุณธรรมและความเชื่อถือจากสาธารณชน

ที่ผมหาข้อมูลมาได้ทั้งหมดนี้สรุปได้ว่า จากกรณีศึกษา 4 ผู้นำอายุน้อย ของประเทศพัฒนาแล้ว เห็นได้ชัดเจนว่าอายุของผู้นำ ไม่ใช่ปัญหา เพียงแต่ต้องประเมินกันที่ “โปรไฟล์ความพร้อม” (Readiness Profile)​ ทั้ง 5 ข้อว่าแต่ละคนมีไหม และมีมากน้อยเพียงใด

ซึ่งก็เป็นประเด็นที่กล่าวถึงกันมากในประเทศไทย แต่พอมาถึงตรงนี้ อ้าว….หน้ากระดาษผมหมดพอดีเลย

คุณผู้อ่านคงต้องไปประเมินกันเองแล้วละครับ