ศบ.ทก. ยันไทยไม่ปิดด่านชายแดนกัมพูชา แต่คุมเข้มการผ่านแดน

ศบ.ทก. ยันไทยไม่ปิดด่านชายแดนกัมพูชา แต่คุมเข้มการผ่านแดน

ศบ.ทก. ย้ำชัดไทยไม่ปิดด่านชายแดนกัมพูชา ทุกจุดยังเปิดตามปกติ เพียงแต่ ยกระดับการควบคุมการผ่านแดนให้เข้มข้นขึ้น

วันนี้ (24 มิ.ย. 68) ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงยืนยันว่าประเทศไทยยังคงเปิดจุดผ่านแดนทุกแห่งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นจุดผ่านแดนถาวร จุดผ่านแดนชั่วคราว หรือจุดผ่อนปรนทางการค้า แต่ได้มีการยกระดับมาตรการควบคุมการผ่านแดนทุกประเภทให้เข้มข้นขึ้น โดยเป็นการบังคับใช้มาตรการขั้นที่ 1 และ 2 จากทั้งหมด 4 ขั้นตอน ทั้งนี้ เพื่อรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการหลอกลวงทางออนไลน์

นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า การยกระดับมาตรการดังกล่าวเป็นไปตามคำสั่งและแนวนโยบายของรัฐบาล โดยกองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 และกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ได้พิจารณาอย่างรอบคอบจากการประเมินภาพรวมสถานการณ์ด้านความมั่นคงในพื้นที่
 

อนุญาตผู้มีความจำเป็นและกรณีมนุษยธรรม

ฝ่ายไทยยังคงอนุญาตให้บุคคลที่มีความจำเป็นและด้วยเหตุผลทางมนุษยธรรมสามารถผ่านแดนได้ เช่น ผู้ที่ต้องการเข้ารับการรักษาพยาบาล นักเรียน และการดำเนินการที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน เช่น การซื้อผัก ผลไม้ และเครื่องอุปโภคบริโภคในครัวเรือน โดยมีตัวอย่างการรับผู้ป่วยชาวกัมพูชามารักษาพยาบาลที่จังหวัดสระแก้วและจังหวัดจันทบุรีในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา

ไม่มีนโยบายห้ามส่งออกพลังงานและอินเทอร์เน็ต

นายนิกรเดช ยืนยันว่า รัฐบาลไทยยังไม่มีนโยบายห้ามการส่งออกไฟฟ้า น้ำมัน และสัญญาณอินเทอร์เน็ตไปยังกัมพูชา ส่วนกรณีที่รัฐบาลกัมพูชาตัดสินใจระงับการนำเข้าน้ำมันจากไทยนั้น เป็นการตัดสินใจของฝ่ายกัมพูชาเอง โดยไทยมีจุดยืนชัดเจนที่จะไม่ดึงประชาชนทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชามาเป็นผู้รับภาระจากปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างรัฐ

มาตรการมุ่งเป้าเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ

มาตรการล่าสุดของฝ่ายไทยดำเนินควบคู่ไปกับการดำเนินการของ ศบ.ทก. โดยมีจุดมุ่งหมายโดยตรงต่อธุรกิจเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติเป็นหลัก ไม่ได้มีเป้าหมายไปยังประชาชนทั่วไป แต่เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในบริเวณชายแดนของทั้งสองประเทศ
 

ขอความร่วมมืองดแสดงความคิดเห็นยั่วยุ

เกี่ยวกับการแสดงความเห็นเชิงลบในบัญชีโซเชียลมีเดียของฝ่ายกัมพูชา นายนิกรเดชกล่าวว่า การแสดงความเห็นเป็นสิทธิเสรีภาพของบุคคล แต่ขอความร่วมมือประชาชนชาวไทยงดแสดงความคิดเห็นที่เป็นการยั่วยุ หรือรุนแรงสุดโต่ง เพื่อไม่สร้างความตึงเครียดเพิ่มเติม และเป็นช่องทางให้ประชาชนทั้งสองประเทศโจมตีกัน รัฐบาลยึดมั่นในการแก้ไขปัญหาตามกลไกทวิภาคี โดยการแสดงความเห็นที่สร้างสรรค์ในช่องทางต่างๆ จะช่วยส่งเสริมบรรยากาศในการหาทางออกร่วมกันของทั้งสองฝ่าย

มาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ

พล.ร.ต. สุรสันต์ เสนาลักษณ์ กล่าวเสริมในประเด็นความมั่นคง 3 เรื่อง โดยเรื่องแรกย้ำว่าการดำเนินการของกองทัพเป็นไปในแนวทางเดียวกันตามข้อสั่งการของรัฐบาลที่คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนทั้งสองประเทศ

สำหรับประเด็นที่ 2 มาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบตามพื้นที่แนวชายแดน รัฐบาลจะใช้กลไกที่มีอยู่แล้ว โดยกระทรวงมหาดไทยผ่านศูนย์สั่งการชายแดนจังหวัด จะประชุมร่วมกับหอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด และภาคเอกชนในพื้นที่ เพื่อกำหนดแนวทางช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานได้สั่งการให้แรงงานจังหวัดช่วยเหลือจัดหางานทดแทนสำหรับประชาชนที่ไม่สามารถเดินทางข้ามแดนได้ และกระทรวงพาณิชย์ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดช่วยเหลือเกษตรกรในการหาช่องทางจำหน่ายสินค้าเกษตรในพื้นที่

ประเด็นที่ 3 กองทัพขอขอบคุณประชาชนที่ส่งกำลังใจให้กับกำลังพลผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน และได้จัดเตรียมสถานที่ตามพื้นที่ของแต่ละหน่วยเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน โดยสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 1 ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 2 และศูนย์ประชาสัมพันธ์ของหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินในพื้นที่