ป้าถูกแก๊งคอลฯหักหลัง หลอกเปิดบัญชีข้ามไปกัมพูชา จับขังรีดค่าไถ่ตัว

เตือนภัย หญิงรุ่นป้าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หักหลัง หลอกเปิดบัญชีข้ามไปกัมพูชา จับขังรีดค่าไถ่ตัวเพื่อกลับบ้าน
กรณีหญิงรุ่นป้าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หักหลัง หลอกเปิดบัญชีข้ามไปกัมพูชา จับขังรีดค่าไถ่ตัวเพื่อกลับบ้าน
เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน กก.3 บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุมตัวหญิงไทย วัยรุ่นป้า อายุ 55 ปี ในข้อหา ฉ้อโกง, ขำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ ได้ที่บริเวณ ต.คลองนารายณ์ อ.เมืองจันทบุรี จ.จันทบุรี
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ฯได้รับแจ้งจากผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้ซื้อเครื่องสูบน้ำผ่านช่องทางเพจเฟซบุ๊กชื่อจำหน่ายเครื่องตัดหญ้า โดยเมื่อโอนเงินไปเป็นจำนวน 3,100 บาท กลับไม่ได้รับสินค้าและไม่สามารถติดต่อได้ สุดท้ายโดนบล็อก
จึงเข้าแจ้งความ สน.หนองจอก เพื่อดำเนินคดี ต่อมาพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญามีนบุรีอนุมัติหมายจับ ก่อนเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ไว้ได้
เมื่อตรวจสอบประวัติเพิ่มเติม พบมีหมายจับอีก 2 หมาย ในท้องที่ สภ.เชียรใหญ่ โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 มี.ค.68 เวลาประมาณ 15.00 น. ขณะที่ผู้เสียหายเล่นเฟซบุ๊กพบมีโฆษณาขายโทรศัพท์มือถือไอโฟน 13 ในราคา 1,990 บาท
ผู้เสียหายเห็นจึงสนใจและทักหาเพจ หลังพูดคุยและตกลงซื้อขายกันแล้วนั้น เพจดังกล่าวได้ส่งบัญชีชื่อ ผตห. ซึ่งเป็นชื่อผู้ต้องหามาให้ทางแชตเพื่อให้โอนเงิน โดยหลังผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปแล้วทางเพจดังกล่าวได้แจ้งว่าต้องจ่ายภาษีในการจัดส่งอีก 2,990 บาท และจะโอนเงินค่าภาษีคืนภายใน 10 นาที
ผู้เสียหายจึงโอนไปให้ หลังจากโอนเงินค่าภาษีไปประมาณ 10 นาที เพจดังกล่าวแจ้งให้ผู้ส่งที่อยู่ไปให้ และออกอุบายว่ายังมีค่าประกันเครื่องอีก 4,999 บาท ผู้เสียหายจึงแจ้งว่าไม่มีเงินแล้ว เพจดังกล่าวจึงถามผู้เสียหายว่ามีเงินเหลือในบัญชีเท่าไร
เมื่อผู้เสียหายแจ้งว่าเหลือ 56 บาทและต้องการยกเลิกการสั่งสินค้าเนื่องจากเงินไม่พอ แต่เพจแจ้งว่าหากยกเลิกต้องชำระเงินค่าบริการอีก 499 บาท ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าถูกหลอกและเข้าแจ้งความดำเนินคดีทันที หลังพนักงานสอบสวนประสานงานเจ้าหน้าที่ธนาคารและได้รับเอกสารจากธนาคารแล้วนั้นพบว่าบัญชีชื่อของผู้ต้องหา มียอดเงินเข้าจริง
โดยพบว่าเมื่อเงินโอนเข้าบัญชีผู้ต้องหาจะถูกโอนต่อไปทันที จึงเชื่อว่าเป็นการกระทำของแก็งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้บัญชีของผู้อื่น (บัญชีม้า) พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมหลักฐานขอหมายจับต่อศาลจังหวัดปากพนัง โดยศาลอนุมัติหมายจับดังกล่าว
จากการสอบสวนป้าคนดังกล่าว ให้การว่า ตนได้ถูกชักชวนจากเพื่อนให้เปิดบัญชีธนาคาร แต่ต้องไปสแกนใบหน้าฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดนให้ค่าตอบแทนบัญชีละ 5,000 บาท ตนจึงไปเปิดบัญชีธนาคารมา 4 บัญชีและเดินทางไปประเทศเพื่อนบ้าน ข้ามแดนโดยช่องทางธรรมชาติ จ.จันทบุรี
ซึ่งเมื่อไปถึงตนถูกให้ทำการสมัครแอปพิลเคชันธนาคารในมือถือจำนวน 4 เครื่อง เมื่อสมัครเสร็จแล้วตนถูกสั่งให้อยู่ในห้องเพื่อรอแก๊งคอลเซ็นเตอร์เรียกสแกนใบหน้าเพื่อโอนเงินออกจากบัญชีหลายครั้ง กระทั่งเข้าวันที่ 2 ตนถูกปล่อยให้กลับประเทศไทย แต่เมื่อตนสอบถามเรื่องค่าจ้างของตนจำนวน 20,000 บาท กลับถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โกง ไม่จ่ายค่าจ้าง และขู่เอาเงินจากตนเป็นค่าไถ่ตัวอีก
ตนจึงโทรหาสามีให้โอนเงินค่าไถ่ให้แก๊งคอนเซ็นเตอร์ 8,000 บาท ตนจึงสามารถเดินทางกลับบ้านที่ จ.จันทบุรี ได้ แต่สุดท้ายก็ถูกเจ้าหน้าที่สืบนครบาลเข้าจับกุม
ทั้งนี้ยังตรวจสอบพบว่า มี 2 คดีอยู่ระหว่างรอออกหมายจับพื้นที่ สภ.สารภี ภ.จว. และพื้นที่ สภ.เมืองภูเก็ต ภ.จว.ภูเก็ต ในข้อหา “ผู้สนับสนุน ฉ้อโกงประชาชน ตัวการ ผู้ใดเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้ บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้เจตนาใช้เพื่อตนหรือกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดฯ”
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาส่ง พงส.สน.หนองจอก และประสานพื้นที่ที่เกี่ยวข้องเข้าอายัดตัวดำเนินการตามกฎหมายต่อไป