ไทย รับมือวิกฤตพลังงาน จากตะวันออกกลาง พร้อมมาตรการพยุงราคา

รัฐบาล พร้อมรับมือวิกฤตพลังงานจากสถานการณ์ตะวันออกกลาง ลดเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงพยุงราคาในประเทศ ยืนยันมีน้ำมันสำรองเพียงพอถึง 60 วัน
วันนี้ (18 มิ.ย. 68) นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กำลังจับตาดูสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่านอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับราคาน้ำมันและเส้นทางการขนส่งผ่านช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อประเทศไทยในฐานะประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่
ล่าสุด นายพีระพันธุ์ได้สั่งการให้กระทรวงพลังงานดำเนินมาตรการลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับทั้งน้ำมันเบนซินและดีเซล เพื่อช่วยพยุงราคาพลังงานภายในประเทศ และใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาในระยะยาว ข้อมูลล่าสุดระบุว่า ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 72.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานยังคงประเมินปริมาณน้ำมันสำรองภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีน้ำมันดิบคงเหลือ 3,337 ล้านลิตร ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งาน 25 วัน มีน้ำมันระหว่างขนส่งอีก 2,457 ล้านลิตร ใช้ได้ 19 วัน และน้ำมันสำเร็จรูป 1,874 ล้านลิตร ใช้ได้ 16 วัน รวมปริมาณน้ำมันสำรองทั้งหมดเพียงพอต่อการใช้งานประมาณ 60 วัน หากสถานการณ์เลวร้ายลง รัฐบาลจะบริหารจัดการเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำมันสำรองโดยทันที
"รัฐบาลขอยืนยันว่า ประเทศไทยมีความพร้อมและศักยภาพในการรับมือกับทุกความผันผวนด้านพลังงานอย่างรอบด้าน" นางสาวศศิกานต์กล่าว "ขอให้ประชาชนมั่นใจในมาตรการของรัฐบาล ซึ่งจะดำเนินการอย่างทันท่วงทีเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศและประชาชน"