จับตาอ่างเก็บน้ำ ล่าสุด ปริมาณน้ำใช้การ 37% พร้อมรับมือฝนตกหนัก

จับตาอ่างเก็บน้ำ ล่าสุด ปริมาณน้ำใช้การ 37% พร้อมรับมือฝนตกหนัก

สถานการณ์อ่างเก็บน้ำทั่วไทย ล่าสุด ปริมาณน้ำใช้ 37% พร้อมพื้นที่เหลืออีกกว่าครึ่ง รองรับปริมาณฝนที่กำลังจะมาถึง

สถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศไทย ณ วันที่ 17 มิถุนายน 2568 เวลา 07.00 น. พบว่ามีฝนตกกระจายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคใต้ที่มีปริมาณฝนสูงสุดในจังหวัดสตูล (120 มม.) ตามมาด้วยภาคเหนือที่จังหวัดเชียงราย (76 มม.) และภาคกลางที่จังหวัดชัยนาท (67 มม.)

สภาพอากาศและแนวโน้ม

กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งว่า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ส่งผลให้ภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง และภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองในบางพื้นที่

สำหรับช่วงวันที่ 18 – 19 มิถุนายน 2568 คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุม และมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบนและประเทศลาวตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน

สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ

ภาพรวมปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศอยู่ที่ 56% ของความจุเก็บกักรวม หรือประมาณ 45,362 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยมีปริมาณน้ำที่สามารถนำไปใช้การได้ 37% หรือประมาณ 21,245 ล้านลูกบาศก์เมตร

ความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาน้ำเสียและอุทกภัยในภาคเหนือ

เมื่อวานนี้ (16 มิถุนายน 2568) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการในหลายด้าน :

กรมควบคุมมลพิษ เพิ่มความถี่ในการเก็บตัวอย่างน้ำและตะกอนดินในพื้นที่เสี่ยง เผยแพร่ผลการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมและข้อมูลความเสี่ยงต่อสุขภาพ และพัฒนาระบบเตือนภัยด้านคุณภาพน้ำให้รวดเร็วและครอบคลุม

กรมควบคุมโรค, กรมอนามัย, และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ตรวจสุขภาพประชาชนในพื้นที่ โดยเน้นคัดกรองโรคจากสารหนูและโลหะหนัก พร้อมติดตามผลอย่างต่อเนื่อง
 

การประปาส่วนภูมิภาค, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, และกระทรวงมหาดไทย เร่งจัดหาน้ำดื่มสะอาดสำรองให้ประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ และวางแผนระยะยาวในการจัดหาแหล่งน้ำดิบที่สะอาด ปลอดภัย รวมถึงพัฒนาระบบประปาหมู่บ้าน

กรมทรัพยากรน้ำ เร่งศึกษา สำรวจ ออกแบบจุดชะลอน้ำ และฝายดักตะกอน พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน และสำรวจแหล่งน้ำผิวดินแห่งใหม่

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประเมินผลกระทบเบื้องต้นต่อภาคการเกษตรและการท่องเที่ยว กำหนดมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ และให้คำแนะนำในการปรับตัว

จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงราย เร่งดำเนินงานตามโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำที่ได้รับงบประมาณสนับสนุน และพิจารณาโครงการเร่งด่วนเกี่ยวกับการกำจัดสารพิษและฟื้นฟูแหล่งน้ำที่ปนเปื้อน

สทนช. วางแผนแก้ไขปัญหาดังกล่าวในระยะยาวและยั่งยืน ผ่านกลไกความร่วมมือกับคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) และกรอบความร่วมมือแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง (LMC)

นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีฯ ยังได้ติดตามความคืบหน้ามาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเร่งให้หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กรมชลประทาน กรมการทหารช่าง ดำเนินการขุดลอกแม่น้ำกก แม่น้ำรวก และแม่น้ำปิง รวมถึงก่อสร้างพนังกั้นน้ำชั่วคราวในแม่น้ำสาย ในระหว่างที่โครงการยังไม่แล้วเสร็จ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และลำพูน ต้องเตรียมเครื่องจักรและเครื่องมือให้พร้อมรับสถานการณ์อุทกภัย และเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานบูรณาการข้อมูลเพื่อประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่อง