เตือนภัย แอบอ้างแบรนด์ร้านอาหารดัง หลอกเทรดหุ้น อายัดเงินคืน 6 แสน

เตือนภัย แอบอ้างแบรนด์ร้านอาหารดัง หลอกเทรดหุ้น อายัดเงินคืน 6 แสน

อัปเดตเตือนภัย แอบอ้างแบรนด์ร้านอาหารดัง หลอกเทรดหุ้น อายัดเงินคืน 6 แสน ตำรวจไซเบอร์ลุยบุกชลบุรีล่าจับสาวแสบ

กรุงเทพธุรกิจ อัปเดตเตือนภัย แอบอ้าง แบรนด์ร้านอาหารดัง คนร้ายหลอกเทรดหุ้น อายัดเงินคืน 6 แสนบาท ตำรวจไซเบอร์บุกชลบุรีล่าจับสาวแสบ

กรณีเมื่อช่วงเดือน เม.ย. 68 ผู้เสียหายมีความสนใจในการลงทุนเกี่ยวกับการเทรดหุ้น จึงได้ลองค้นหาความรู้เพื่อศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนบนอินเทอร์เน็ต กระทั่งได้พบกับบัญชีเฟซบุ๊ก ชื่อแบรนด์ร้านอาหารดัง ซึ่งได้โพสต์โฆษณาชักชวนให้ลงทุนและเทรดหุ้นที่ได้ผลตอบแทนสูง โดยแอบอ้างแบรนด์ร้านอาหารเพื่อสุขภาพชื่อดัง

ผู้เสียหายสนใจจึงได้แอดไลน์ จากนั้นได้เริ่มพูดคุยกับแอดมินผ่านบัญชีไลน์ดังกล่าว และมีโบรกเกอร์มาดูแลเรื่องการลงทุน แล้วได้แนะนำให้ผู้เสียหายลงทุนเทรดหุ้นรายวัน ซึ่งมีผลตอบแทนสูง 

จากนั้นโบรกเกอร์ ได้ให้ผู้เสียหายโอนเงินลงทุน ต่อมาพบว่าการลงทุนมียอดกำไรในระบบสูงลิ่ว ซึ่งโบรกเกอร์แจ้งว่าหลังจบโครงการแล้ว สมาชิกสามารถเบิกถอนเงินต้นพร้อมกำไรได้ทั้งหมด แต่สุดท้ายเมื่อผู้เสียหายต้องการถอนเงิน กลับไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ รวมความเสียหายเป็นเงินทั้งหมด 2,749,524.22 บาท

ต่อมาตำรวจไซเบอร์ พ.ต.ท.ชัยวงศ์ ทองน้อย สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทราบว่า สาวแสบ อายุ 43 ปี เจ้าของบัญชีธนาคารที่ใช้กระทำความผิด ได้พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงได้เดินทางไปเพื่อส่งหมายเรียกดังกล่าว เมื่อพบตัวเจ้าตัวรับทราบเหตุดังกล่าว จึงยินดีเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก 

พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมทั้งสิทธิ์ของผู้ต้องหาในชั้นสอบสวนตามกระบวนการกฎหมาย โดยดำเนินคดีในความผิดฐาน

  • ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
  • ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน

เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่ยอมรับสารภาพว่า ตนเองเคยเปิดบัญชีธนาคารให้คนอื่นจริง โดยได้ค่าตอบแทนเป็นเงินสด จำนวน 4,000 บาท

จากกรณีดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานกับสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้อง จนสามารถอายัดเงินในบัญชีธนาคารของผู้ต้องหา ไว้ได้จำนวน 619,182.73 บาท

โดยเจ้าหน้าที่ได้ประสานธนาคารเจ้าของบัญชีเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่าบัญชีดังกล่าวมีเงินของผู้เสียหาย จำนวน 619,182.73 บาท ได้ถูกโอนเข้ามาตามวันและเวลาตรงตามหลักฐานของผู้เสียหาย จึงเป็นหลักฐานแน่ชัดว่ายอดเงินดังกล่าวเป็นของผู้เสียหายรายนี้จริง 

สาวผู้ต้องหาเองรับทราบว่าบัญชีของตนเองถูกนำไปใช้ในการกระทำผิด และตนเองขอไม่โต้แย้งกรรมสิทธิ์เงินในบัญชีธนาคารจำนวน 619,182.73 บาท เนื่องจากตนเองรู้ดีว่าเป็นเงินที่ตนเองไม่มีสิทธิที่จะได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และยินดีคืนให้แก่ผู้เสียหายในคดีนี้