เปิดแผนรับมืออพยพสุรินทร์ เตรียม 66 ศูนย์พักพิง ปรับ รพ. เป็น รพ.สนาม

เปิดแผนรับมืออพยพชายแดนสุรินทร์ คาด 1.4 แสนคน จัด 66 ศูนย์พักพิงชั่วคราว พร้อม ปรับ รพ. พนมดงรัก-กาบเชิง เป็นโรงพยาบาลสนาม เตรียมดูแลสุขภาพ 6 ด้าน และซ้อมแผนฉุกเฉินแล้ว
วันนี้ (12 มิ.ย. 68) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงมาตรการเตรียมความพร้อมของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อรองรับสถานการณ์หากมีการอพยพประชาชนใน 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ที่คาดว่าจะมีประชาชนอพยพประมาณ 144,300 คน
กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมการจัดตั้ง ศูนย์พักพิงชั่วคราว 66 แห่ง ใน 5 อำเภอของจังหวัดสุรินทร์ ได้แก่ อำเภอปราสาท (28 ศูนย์ รองรับ 67,500 คน), อำเภอสังขะ (28 ศูนย์ รองรับ 59,700 คน), อำเภอลำดวน (6 ศูนย์ รองรับ 10,800 คน), อำเภอศรีณรงค์ (3 ศูนย์ รองรับ 6,000 คน) และอำเภอเมืองสุรินทร์ (1 ศูนย์ รองรับ 300 คน สำหรับชาวต่างชาติ/คนนอกพื้นที่)
มาตรการดูแลสุขภาพ 6 ด้านหลัก
กระทรวงสาธารณสุขจะให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพของประชาชนในศูนย์พักพิง 6 ด้านหลัก ได้แก่:
- ความเสี่ยงโรคติดต่อ : เฝ้าระวังและป้องกันโรคติดต่อในพื้นที่แออัด เช่น โรคทางเดินหายใจ ผิวหนัง และระบบทางเดินอาหาร
- สุขภาพจิต : ดูแลสุขภาพจิตของประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากความรุนแรงและความไม่แน่นอน โดยจัดให้มีจุดบริการสุขภาพจิตและทีม MCATT ประเมินและดูแลเยียวยาจิตใจ
- ความมั่นคงด้านอาหารและน้ำสะอาด : จัดหาน้ำดื่มที่สะอาดและอาหารที่เพียงพอ เพื่อป้องกันภาวะทุพโภชนาการและโรคที่เกี่ยวข้องกับน้ำ โดยจะมีการตรวจสอบคุณภาพน้ำดื่มทุกวัน
- ปกป้องกลุ่มเปราะบาง : ให้การดูแลเป็นพิเศษสำหรับเด็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และผู้พิการ
- ระบบส่งต่อผู้ป่วยและสำรองเลือด : วางแผนระบบการส่งต่อผู้ป่วยและสำรองโลหิตระหว่างศูนย์พักพิง โรงพยาบาลแนวหน้า และโรงพยาบาลหลัก
- ความมั่นคงทางไซเบอร์ของระบบฐานข้อมูลสุขภาพ : ป้องกันและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลสุขภาพของประชาชน
นพ.โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์เป็นผู้ดูแลศูนย์อพยพอย่างใกล้ชิด โดยเน้นการควบคุมความแออัด จัดพื้นที่แยกผู้ป่วยและกลุ่มเปราะบาง รวมถึงจัดเตรียมเวชภัณฑ์ฉุกเฉิน ชุดเครื่องมือทางการแพทย์ และระบบเบิกจ่ายให้พร้อมใช้งาน นอกจากนี้ยังมีการจัดทีมสอบสวนโรคเพื่อคัดกรองโรคทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร และโรคผิวหนัง
การปรับบทบาทโรงพยาบาลในพื้นที่เสี่ยง
ในกรณีที่เกิดสถานการณ์สู้รบ โรงพยาบาลพนมดงรัก และโรงพยาบาลกาบเชิง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่สีแดง (Hot Zone) จะถูกปรับบทบาทเป็น “โรงพยาบาลในพื้นที่แนวหน้า” เพื่อรองรับผู้บาดเจ็บจากเขตชายแดนโดยตรง
หากสถานการณ์ยืดเยื้อหรือรุนแรงขึ้น โรงพยาบาลทั้งสองแห่งจะถูกปรับเป็น "โรงพยาบาลสนาม" พร้อมระบบการคัดแยกผู้ป่วยตามระดับความรุนแรง (สีแดง เหลือง เขียว) และจะมีการส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลหลักในลำดับถัดไป ได้แก่ โรงพยาบาลสุรินทร์, โรงพยาบาลสังขะ, โรงพยาบาลปราสาท, โรงพยาบาลท่าตูม และโรงพยาบาลรัตนบุรี
นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขพร้อมส่งมอบโรงพยาบาลให้ทีมแพทย์ทหารเข้ามาดำเนินการแทนเมื่อจำเป็น และหากต้องการตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติม ทีม MERT (Medical Emergency Response Team) ของจังหวัดสุรินทร์ และเขตสุขภาพที่ 9 จะเข้าร่วมดำเนินการ ปัจจุบันได้มีการซักซ้อมแผนอพยพผู้ป่วยของโรงพยาบาลทั้งสองแห่งเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้มั่นใจในความพร้อมสูงสุด







