LGBTQ+ กับความยุติธรรมในระบบที่ไม่เท่าเทียม

ในยุคปัจจุบันที่สายรุ้งไม่ใช่แค่สัญลักษณ์ของฝน แต่หมายถึงการยืนหยัดของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ การแต่งงานเพศเดียวกันถูกกฎหมายในหลายประเทศ
การรับรู้การมีอยู่ของ LGBTQ+ ต่อทางสังคมดีขึ้น แต่…ในมุมที่เงียบงัน ยังมีเรื่องราวที่ไม่ถูกหยิบยกมาพูดถึง เช่น ความรุนแรง การเลือกปฏิบัติ และความอยุติธรรมที่กลุ่ม LGBTQ+ ยังต้องเผชิญอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง
รสนิยมทางเพศไม่ใช่เรื่องที่ใคร“เลือก” ได้ ก่อนที่เราจะเล่าไปถึงเรื่องอาชญากรรมและกระบวนการยุติธรรม สิ่งหนึ่งที่ควรเข้าใจก่อนคือ “LGBTQ+ไม่ได้เป็นความผิดปกติ” มีงานวิจัยระดับโลกยืนยันแล้วว่าอัตลักษณ์ทางเพศเป็นเรื่องที่มีรากมาจากพันธุกรรม ฮอร์โมน และสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่เป็นเพียงพฤติกรรม แต่ยังสามารถที่จะเลือกได้เหมือนกับการเลือกสีเสื้อผ้า
สมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (APA) ย้ำชัดว่า การพยายาม “บำบัด” ให้เปลี่ยนรสนิยมทางเพศ ไม่เพียงแต่จะไม่ได้ผล แต่ยังก่อให้เกิดบาดแผลทางจิตใจด้วย ในงานวิจัยด้านพันธุศาสตร์วิเคราะห์จีโนมของคนกว่า 470,000 คน พบว่าไม่มี “ยีนเกย์” ที่ถูกระบุชัดว่าเป็นสาเหตุของความหลากหลายทางเพศ
แต่ลักษณะดังกล่าวไปเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางพันธุกรรมหลายจุด รวมถึงปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม เช่น สภาพแวดล้อมทางสังคม การเลี้ยงดู หรือประสบการณ์ชีวิต ล้วนมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอัตลักษณ์และรสนิยมทางเพศ (Ganna et al., 2019) ผลวิจัยด้านพันธุศาสตร์นี้ได้ชี้ให้เห็นแล้วว่า รสนิยมทางเพศนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความหลากหลายทางชีวภาพของมนุษย์และไม่มีความผิดปกติใดๆ ของยีนที่เกี่ยวข้อง
เหยื่อที่สังคมมองข้าม
เมื่ออัตลักษณ์และรสนิยมทางเพศไม่ได้เป็นความผิดปกติ นอกจากการต้องเผชิญกับการถูกตีตราจากสังคมสู่การเรียกร้องสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมที่ทุกคนพึงมี กลุ่ม LGBTQ+ ยังคงเผชิญความท้าทายจากอคติ และความเกลียดชังที่ทวีความรุนแรงไปถึงการก่ออาชญากรรมความเกลียดชังทางเพศ
กลุ่มคนไบเซ็กชวลมีแนวโน้มถูกทำร้ายร่างกายสูงถึง 133 คนต่อประชากร 1,000 คน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 7 เท่า (Prison Policy Initiative, 2022) ในปีที่ผ่านมาพบอาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชังต่อ LGBTQ+ เพิ่มขึ้นกว่า 20% โดยเฉพาะกลุ่มคนข้ามเพศ (FBI, 2024)
ความเจ็บลึกที่มองไม่เห็น
The Trevor Project เผยว่า เยาวชน LGBTQ+ ราว 39% เคยเผชิญความรุนแรงทางเพศ เกือบครึ่งหนึ่งเคยถูกบังคับให้มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ยินยอม มีอัตราความคิดฆ่าตัวตายสูงกว่ากลุ่มเยาวชนทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ
งานวิจัยของ Marshal et al. (2021) ระบุว่าเยาวชน LGBTQ+ มีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้าและมีพฤติกรรมเสี่ยงสูงถึง 2-3 เท่า ซึ่งเชื่อมโยงกับทฤษฎี Minority Stress ที่ระบุว่าความเครียดจากการถูกกดทับโดยสังคมส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อภาวะจิตใจ เยาวชน LGBTQ+ จึงมีแนวโน้มเป็นซึมเศร้าและมีความคิดฆ่าตัวตายสูงกว่ากลุ่มเยาวชนทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ
จะเห็นได้ว่า กลุ่ม LGBTQ+ ต้องเผชิญกับความรุนแรงมากกว่าคนทั่วไปหลายเท่า ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายร่างกาย การถูกกลั่นแกล้งในโรงเรียน หรือแม้แต่ความรุนแรงทางเพศในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงอาชญากรรมที่รุนแรงถึงขั้นชีวิต ซึ่งไม่เพียงแต่ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมจากความเกลียดชัง แต่ยังสะท้อนถึงการตกเป็นเหยื่อของระบบที่ยังมองไม่เห็น หรือการถูกเพิกเฉยต่อความเจ็บปวดจากความเหลื่อมล้ำที่พวกเขาต้องเผชิญ
ความยุติธรรมกับความหลากหลาย?
สิ่งที่น่ากังวลคือ เมื่อเกิดสถานการณ์ที่จะต้องคลี่คลายขึ้นในสังคม กระบวนการยุติธรรมจะยุติเรื่องราวด้วยความความเป็นธรรมจริงหรือ? รายงานจากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน–มิลวอกี ระบุว่ากลุ่มคน LGBTQ+ โดยเฉพาะคนข้ามเพศและคนผิวสี มีแนวโน้มถูกจับกุมมากกว่าคนทั่วไปถึงสองเท่า และถูกจองจำในอัตราที่สูงกว่าคนทั่วไปถึงสามเท่า (UWM, 2024) สะท้อนถึงการเฝ้าระวังจากเจ้าหน้าที่รัฐที่มักตั้งอยู่บนอคติและภาพเหมารวม
ชี้ให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำที่เริ่มตั้งแต่ระดับครอบครัว โรงเรียน ชุมชน ไปจนถึงกระบวนการยุติธรรม หรือแม้แต่ในเรือนจำอันเป็นสถานที่จะต้องดำเนินการแก้ไขฟื้นฟู ก็ยังคงไม่มีมาตรฐานหรือแนวทางปฏิบัติต่อกลุ่ม LGBTQ+ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พักที่ปลอดภัย การเข้าถึงบริการสุขภาพกายและจิตที่เหมาะสม หรือแนวปฏิบัติที่คำนึงถึงอัตลักษณ์ทางเพศและความเสี่ยงเฉพาะกลุ่มตามความต้องการและความเสี่ยงได้อย่างชัดเจน
แล้วเราจะไปทางไหน...เพราะทุกคนควรมีที่ยืนในสังคม
เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวและไม่ควรถูกมองข้าม หากเราปรารถนาสังคมที่ปลอดภัย เท่าเทียม และเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง ควรมีแนวทางที่จะสามารถยกระดับสิทธิมนุษยชนต่อการเข้าใจความหลากหลายมากขึ้น อาทิ การปรับปรุงหรือการยกเลิกกฎหมายหรือมาตรการที่เลือกปฏิบัติต่อบุคคลตามอัตลักษณ์ทางเพศ ควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม
การส่งเสริมการเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการ การสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศให้กับเจ้าหน้าที่รัฐผู้บังคับใช้กฎหมาย การสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายกับคนทุกกลุ่มอย่างเป็นธรรม การสร้างการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่รัฐรวมถึงทุกภาคส่วนเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ การปรับปรุงสถานที่แก้ไขฟื้นฟูให้เหมาะสมกับอัตลักษณ์ ไปจนถึงการผลักดันสถาบันการศึกษาสู่ฐานะผู้มีบทบาทสนับสนุนการเรียนรู้ความหลากหลายที่จะโอบรับและเคารพความแตกต่างได้อย่างแท้จริง
LGBTQ+ ไม่ควรต้องเดินบนถนนที่เต็มไปด้วยความกลัว เพียงเพราะความเป็นตัวตนของตนเอง หากเรายอมรับว่าความหลากหลายคือความงาม เราก็ต้องยอมรับว่าความเป็นธรรมต้องเป็นของทุกคน ไม่ว่าจะเพศไหนหรือรักใครก็ตาม







