แผ่นดินไหวเมียนมา-เวียดนาม ใกล้ชายแดนไทย ทางอุบลฯ-แม่ฮ่องสอน

เตือนต่อเนื่องในประเทศเพื่อนบ้าน แผ่นดินไหวล่าสุด ใกล้ชายแดนไทย รายงานจาก กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดข้อมูล พบสัญญาณ "แผ่นดินไหวเมียนมา-เวียดนาม" รุนแรงสุดวันนี้ ขนาด 4.2 พิกัดอยู่ห่างประเทศไทย ฝั่งจังหวัดอุบลราชธานี ประมาณ 361 กม.

และตรวจพบสัญญาณแผ่นดินไหวเมียนมา 3 ครั้งติดต่อกัน แรงสุดขนาด 3.5 ใกล้ชายแดนไทยครั้งใหม่ ในทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 291 กม. แม้จะไม่กระทบถึงไทยโดยตรง แต่เป็นสัญญาณที่ต้องเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ทางธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้น

แผ่นดินไหวเวียดนาม แรงสุดวันนี้ ห่างอุบลฯ 361 กม.

วันนี้ 11 มิถุนายน 2568 เมื่อเวลา 07.39 น. ตามเวลาประเทศไทย กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานการเกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.2 ในประเทศเวียดนาม นับเป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดที่ตรวจพบในวันนี้

โดยมีจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่ความลึก 10 กิโลเมตร พิกัด 14.833°N, 108.189°E ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของอำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ประมาณ 361 กิโลเมตร

แม้ระยะทางจะห่างพอสมควร แต่การเกิดแผ่นดินไหวขนาดนี้ในภูมิภาคใกล้เคียงย่อมเป็นที่จับตาของประชาชน

เมียนมาก็สั่น 3 ครั้งติด ใกล้ชายแดนแม่ฮ่องสอน

นอกจากการสั่นสะเทือนในเวียดนามแล้ว เมียนมาก็มีรายงานการเกิดแผ่นดินไหวถึง 3 ครั้งติดต่อกันในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งจุดศูนย์กลางอยู่ไม่ไกลจากชายแดนประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดแม่ฮ่องสอน

• แผ่นดินไหวครั้งแรก: เวลา 03.43 น. แผ่นดินไหวขนาด 3.4 ความลึก 10 กิโลเมตร จุดศูนย์กลาง 21.239°N, 96.175°E ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 286 กม.
• แผ่นดินไหวครั้งที่สอง: เวลา 05.53 น. แผ่นดินไหวขนาด 2.5 ความลึก 10 กิโลเมตร จุดศูนย์กลาง 18.817°N, 96.450°E ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 157 กม.
• แผ่นดินไหวครั้งที่สาม (แรงสุดในเมียนมา): เวลา 05.53 น. (เวลาเดียวกันกับครั้งที่สอง) แผ่นดินไหวขนาด 3.5 ความลึก 10 กิโลเมตร จุดศูนย์กลาง 21.716°N, 96.722°E ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 291 กม.

การเกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่องในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะในบริเวณที่ใกล้กับชายแดนไทย สะท้อนให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวของเปลือกโลกในภูมิภาคนี้

ประชาชนจึงควรติดตามข่าวสารจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมรับมือหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นในอนาคต