ลวงโลกหลอกขายหน้ากากอนามัย เข้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตุ๋นเงินหลายล้าน

ลวงโลกหลอกขายหน้ากากอนามัย เข้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตุ๋นเงินหลายล้าน

ตำรวจสอบสวนกลาง รวบมิจฉาชีพลวงโลก จากหลอกขายหน้ากากอนามัย สู่ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตุ๋นเงินผู้เสียหายหลายล้านบาท

กรณีตำรวจสอบสวนกลาง รวบมิจฉาชีพลวงโลก หลอกขายหน้ากากอนามัย สู่ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตุ๋นเงินผู้เสียหายหลายล้านบาท

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกันจับกุมหญิงชาวไทย กระทำผิดฐาน

  • ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง
  • และผู้ใดเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการของตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช่หรือยอมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่า จะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด

โดยจับกุมได้ที่ บริเวณหน้าบ้าน ม.6 ต.สะตอ อ.เขาสมิง จ.ตราด

สืบเนื่องจากเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2563 ผู้เสียหายจึงได้หาซื้อหน้ากากอนามัยผ่านทางอินเตอร์เน็ต และจนได้มาพบเฟซบุ๊กหนึ่ง มีราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด ผู้เสียหายได้โอนมัดจำเพื่อสั่งซื้อด้วยเงินจำนวนหนึ่งไปยังชื่อบัญชีของผู้ต้องหา ผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าว จากนั้นผู้เสียหายได้หลงกลโอนเงินให้จนครบตามตกลงแล้ว

ผู้เสียหายกลับไม่สามารถติดต่อเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าวได้อีก ผู้เสียหายจึงคิดว่าโดนหลอกแล้ว จึงได้หาข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า เลขบัญชี และชื่อเจ้าของบัญชีดังกล่าวเคยหลอกผู้อื่นหลายรายในลักษณะเดียวกันกับที่ตนถูกหลอก มูลค่าความเสียหายโดยรวมเกือบแสนบาท

ต่อมา เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้เสียหายได้รับโทรศัพท์จากบุคคลที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ อ้างว่าผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดและการฟอกเงิน พร้อมข่มขู่ว่าหากไม่ให้ความร่วมมือจะถูกดำเนินคดี ด้วยความกลัวผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงโอนเงินรวม 18 ครั้ง 14 บัญชี เป็นเงิน 3,292,127.92 บาท

ในจำนวนนี้เป็นบัญชีชื่อผู้ต้องหา ผู้เสียหายได้โอนเงินไป 2 ครั้ง เป็นจำนวนเงิน 313,743 บาท ต่อมาผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนพบว่า น.ส.อรัญญาฯ เป็นบุคคล คนเดียวกับ น.ส.ดารัตน์ฯ

จากการสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า ช่วงปี 2565 หลังก่อเหตุหลอกขายหน้ากากอนามัยให้ผู้เสียหายแล้ว ได้ทำการเปลี่ยนชื่อเป็น และได้หลบไปทำงานในพื้นที่ อ.เขาสมิง จ.ตราด

โดยผู้ต้องหามีการเดินทางข้ามไปยังฝั่งกัมพูชา ต่อมาชุดจับกุมจึงเดินทางไปตรวจสอบพบ หนีมาทำงานอยู่ที่สวนผลในพื้นที่ ต.สะตอ อ.เขาสมิง จ.ตราด จึงได้แสดงตัวพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

การปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป. ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.กิตติบดินทร์ กิมเซียะ สว.กก.5 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ดำเนินการ

อ้างอิง ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB)