ครม. เคาะ ปรับสวัสดิการพิเศษ เพิ่มค่าเสี่ยงภัย จนท. รถไฟชายแดนใต้

ครม. เคาะ ปรับสวัสดิการพิเศษ เพิ่มค่าเสี่ยงภัย จนท. รถไฟชายแดนใต้

ครม. ไฟเขียว เพิ่มเงินค่าเสี่ยงภัย เจ้าหน้าที่รถไฟ พื้นที่ชายแดนใต้ ทั้งผู้ปฏิบัติงานประจำ ผู้ที่ต้องเข้าพื้นที่ หวังสร้างขวัญกำลังใจ สู้ภัยความไม่สงบ ค่าครองชีพสูง

วันนี้ (10 มิ.ย. 68) นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ปรับเพิ่มเงินสวัสดิการพิเศษสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัยจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงจ่ายเงินสวัสดิการเพิ่มเติมแก่ผู้ที่สำนักงานตั้งอยู่นอกพื้นที่เสี่ยงภัยแต่จำเป็นต้องเข้าไปปฏิบัติงานในพื้นที่ดังกล่าว

นายอนุกูล กล่าวว่า ปัจจุบัน รฟท. ได้จ่ายเงินสวัสดิการพิเศษให้กับผู้ปฏิบัติงานประจำในพื้นที่พิเศษ (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และ 5 อำเภอในจังหวัดสงขลา) ในอัตรา 2,500 บาทต่อคนต่อเดือน มาตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งยังไม่ครอบคลุมถึงเจ้าหน้าที่ที่มีสำนักงานนอกพื้นที่ แต่ต้องเข้าไปปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัยเป็นครั้งคราว
 

ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและค่าครองชีพที่สูงขึ้น รฟท. จึงพิจารณาปรับปรุงอัตราค่าเสี่ยงภัยใหม่และจ่ายเงินสวัสดิการเพิ่มเติม เพื่อสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานในพื้นที่พิเศษ โดยมีรายละเอียดดังนี้

ผู้ปฏิบัติงานประจำในพื้นที่พิเศษ (219 คน) : ปรับเพิ่มจากเดิม 2,500 บาท เป็น 3,500 บาทต่อคนต่อเดือน กรณีปฏิบัติงานไม่เต็มเดือน แต่มีระยะเวลาตั้งแต่ 15 วันขึ้นไป จะได้รับเงินสวัสดิการในอัตรา 3,500 บาทต่อคนต่อเดือน

ผู้ปฏิบัติงานนอกพื้นที่พิเศษ

  • ปฏิบัติงานประจำขบวนรถไฟ (115 คน): ได้รับเพิ่ม 233.33 บาท (เดิมไม่เคยได้รับ)
  • ปฏิบัติงานเข้า-ออกเป็นครั้งคราว (165 คน): ได้รับเพิ่ม 233.33 บาทต่อคนต่อวัน (เดิมไม่เคยได้รับ)

การปรับเพิ่มเงินสวัสดิการพิเศษครั้งนี้ จะทำให้ รฟท. มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 1,357,768.98 บาทต่อเดือน หรือประมาณ 16.29 ล้านบาทต่อปี โดยจะใช้จ่ายจากเงินรายได้ของ รฟท. และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ครม. มีมติเห็นชอบ

นายอนุกูล เสริมว่า คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทยและคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ได้ให้ความเห็นชอบเรื่องนี้แล้ว นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน สำนักงบประมาณ (สงป.) สำนักงาน ก.พ. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็เห็นชอบหรือไม่มีข้อขัดข้องเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม สำนักงบประมาณได้ให้ข้อคิดเห็นเพิ่มเติมว่า รฟท. ควรพิจารณาค่าใช้จ่ายบุคลากรในภาพรวม โดยคำนึงถึงสถานะทางการเงินและผลการดำเนินงานของกิจการ รวมถึงจัดทำแผนการเพิ่มประสิทธิภาพหรือเพิ่มรายได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นและไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน หรือส่งผลกระทบต่อภาระงบประมาณและฐานะทางการเงินในอนาคต ขณะที่ สศช. เห็นว่า รฟท. ควรควบคุมการจ่ายค่าตอบแทนให้เป็นไปตามความจำเป็นและเหมาะสม พร้อมทั้งกำหนดให้มีระบบควบคุมตรวจสอบเพื่อให้การใช้จ่ายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ