เปิดแผนรับมือน้ำเหนือ 'เขื่อนเจ้าพระยา' คุมเข้มการระบายน้ำ

"เขื่อนเจ้าพระยา" คุมเข้มระบายน้ำ 2,730 ลบ.ม./วินาที รับมือน้ำเหนือ เฝ้าระวังพื้นที่ท้ายเขื่อน เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำจากภาพรวมที่ระดับ 16.34 ม.
เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ยังคงบริหารจัดการปริมาณน้ำที่ระบายออกจากเขื่อนอย่างใกล้ชิด เพื่อรับมือปริมาณน้ำเหนือที่ไหลหลากลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำเป็นสำคัญ
จากข้อมูลล่าสุด (วันที่ 21 พฤษภาคม 2568) ระดับน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ +16.34 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งเป็นระดับที่ยังอยู่ในเกณฑ์ควบคุม แต่เจ้าหน้าที่ยังคงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีมวลน้ำจากทางตอนเหนือไหลลงมาสมทบ
ปริมาณน้ำระบายของเขื่อนเจ้าพระยา ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 2,730 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการบริหารจัดการน้ำที่ได้กำหนดไว้ เพื่อรักษาสมดุลของระบบนิเวศและป้องกันผลกระทบต่อพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
สำหรับการบริหารจัดการน้ำในแต่ละพื้นที่ได้มีการกำหนดเกณฑ์การระบายน้ำไว้อย่างชัดเจน
- พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด (ปริมาณระบายน้ำ < 700 ลบ.ม./วินาที) : ได้แก่ พื้นที่เหนือเขื่อนที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ซึ่งเป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบการจัดการน้ำ
- พื้นที่ที่อาจเริ่มเกิดผลกระทบ (ปริมาณระบายน้ำ 700 - 1,500 ลบ.ม./วินาที) : ได้แก่ คลองโพงพาย จ.อ่างทอง, คลองบางแก้วและคลองชลประทาน จ.อ่างทอง และจ.พระนครศรีอยุธยา
- พื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากน้ำเอ่อท่วม (ปริมาณระบายน้ำ 1,500 - 2,000 ลบ.ม./วินาที) : ได้แก่ คลองชัยนาท-ป่าสัก จ.อ่างทอง, จ.สิงห์บุรี และ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งต้องมีการบูรณาการงานของคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำร่วมกับ 3 หน่วยงาน
- พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่ง (ปริมาณระบายน้ำ > 2,000 ลบ.ม./วินาที) : ได้แก่ คลองไผ่จำศีล จ.อ่างทอง, อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง, บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา, บ้านแพรก จ.พระนครศรีอยุธยา, บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา และคลองระบายน้ำบางซ้าย-คลองสาคู จ.อ่างทอง ซึ่งต้องมีการบูรณาการงานของคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำร่วมกับ 3 หน่วยงาน
สำหรับพื้นที่ท้ายเขื่อน ได้แก่
- พื้นที่ฝั่งซ้าย : ระบายน้ำไปยังคลองชัยนาท-ป่าสัก คลองบางแก้ว คลองบางหลวง และคลองบางซ้าย
- พื้นที่ฝั่งขวา : ระบายน้ำไปยังคลองมะขามเฒ่า-อู่ทอง คลองสองพี่น้อง และคลองเจ้าเจ็ด-บางยี่หน
ทั้งนี้ ปริมาณน้ำวิกฤตของเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ 3,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงเฝ้าระวังและเตรียมแผนรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างรอบด้าน เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนและพื้นที่เกษตรกรรมให้ได้มากที่สุด







